Support
HowTo Ran4U
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2016-12-07 12:57:28.0     Forum: OldPro  >  test2

 test2

guest

Post : 2016-12-07 12:57:05.0     Forum: OldPro  >  Test ถามตอบ

 test

guest

Post : 2016-12-07 11:41:35.0     Forum: การเปลี่ยนรหัสผ่าน Email  >  วิธีการตั้งค่า Password ของ Email (1and1)

วิธีการตั้งค่า Password ของ Email (1and1)

 

guest

Post : 2016-12-07 11:39:52.0     Forum: การเปลี่ยนรหัสผ่าน Email  >  วิธีการตั้งค่า Password ของ Email (roundcube)

วิธีการตั้งค่า Password ของ Email (roundcube)

 

 

 

guest

Post : 2016-12-07 11:37:42.0     Forum: อื่นๆ  >  ระบบจัดการข้อมูลสั่งซื้อ สำหรับ Social Media

 Ran4U Social Media Module

ระบบบริหารจัดการรายการขายและเรียกเก็บเงิน สำหรับ Social Media

 

ใช้สำหรับเชื่อมต่อเว็บไซต์หลัก กับการขายผ่าน Social Media (Facebook, Line, Instagram) เพื่อจัดการรายการสั่งซื้อ สร้างและบันทึกข้อมูลการสั่งซื้อ ที่ลูกค้าทำการสั่งผ่านระบบ Chat ของ Social Media และส่ง Link วิธีการชำระเงินให้ลูกค้าชำระและแจ้งการชำระเงินผ่านระบบ Chat

 

ขั้นตอนการทำงาน

1.ลูกค้าทำการสนทนาผ่าน Chat เช่น Facebook Messenger หรือ Line

2.ผู้ดูแลเว็บไซต์เข้าระบบจัดการ http://www.ชื่อเว็บของคุณ.com/app และทำการ Login โดยการใส่ Username และ Password

เข้าสู่ระบบจัดการข้อมูลการสั่งซื้อด้วย 

 

http://ชื่อเว็บ/app

 

3.เมื่อเข้าสู่ระบบ แล้ว Click Menu “รายการสั่งซื้อ” จากนั้น Click ปุ่ม “เพิ่มการสั่งซื้อใหม่”

orderAppForSocial1.png

4.Click ปุ่ม “แก้ไข” แล้วกรอกข้อมูลการสั่งซื้อในแบบฟอร์ม ระบุ ข้อมูลชื่อผู้สั่งซื้อ ข้อมูลที่อยู่สำหรับส่งสินค้า (ที่อยู่สามารถระบุภายหลังได้) หลักจากกรอกข้อมูลครบแล้วให้กดปุ่ม “บันทึก” ที่อยู่ด้านซ้ายบนแบบฟอร์ม

orderAppForSocial2.png

orderAppForSocial2-1.png

5.เลื่อนลงด้านล่างของแบบฟอร์มข้อมูลการสั่งซื้อ จากนั้นกรอกข้อมูลรายการสินค้าที่ลูกค้าสั่ง สามารถพิมพ์ชือ ราคา จำนวน เอง หรือ เลือกสินค้าที่มีอยู่ในระบบเว็บไซต์ เพื่อดึงข้อมูลสินค้าอัตโนมัติก็ได้

orderAppForSocial3.png

 
 

6. จากนั้นให้ Copy Link แจ้งรายการสั่งซื้อและแจ้งวิธีการจ่ายเงิน แล้วส่ง Link ต่อให้ลูกค้าผ่าน บทสนทนา Chat เช่น Facebook Messenger หรือ Line (ก่อนส่ง Link ให้ลูกค้า กรุณาเพิ่มข้อมูลเลขบัญชีธนาคารสำหรับให้ลูกค้าโอนเงินก่อน ดูวิธีการเพิ่มบัญชีธนาคารที่ ขั้นตอนที่ 7 ตอนล่าง)

orderAppForSocial4.png

7. เพิ่มเลขบัญชีธนาคารสำหรับให้ลูกค้าโอนเงิน Click Menu “เลขบัญชีธนาคาร” จากนั้น Click ปุ่ม “เพิ่ม บัญชีธนาคาร” กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มให้ครบถ้วน จากนั้น Click ปุ่ม “บันทึก”

orderAppForSocial5.png

orderAppForSocial6.png

 

 

guest

Post : 2016-12-07 11:35:20.0     Forum: อื่นๆ  >  วิธีทำให้ Email แจ้งเตือนจากระบบ

หลังจากที่ Gmail ได้เพิ่มฟีเจอร์ (feature) ใหม่เข้ามาที่เรียกว่า แท็บ (Tabs) ในส่วนของ inbox ซึ่งตัวฟีเจอร์นี้ได้ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถบริหารจัดการ inbox ได้อย่างง่ายด้วยแท็บต่างๆที่จะจัดการจดหมายเข้าไปยังหมวดหมู่ของแท็บอย่างอัตโนมัติ แต่ด้วยคุณสมบัตินี้เองทำให้จดหมายต่างๆ ที่ถูกส่งจากระบบถูกจำแนกไปอยู่ในแท็บโปรโมชั่น (Promotion)  ซึ่งไม่ใช่แท็บหลัก (Primary) ทำให้ไม่มีการแจ้งเตือนทาง Application ในมือถือ ซึ่งก็มีวิธีแก้ไขได้ไม่ยาก ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้ได้เลย

 

วิธีการย้ายจดหมายจากระบบให้ไปอยู่ในแท็บหลัก (Primary) ด้วยวิธีคลิกลากแล้ววาง (Drag and Drop)

 

ให้คลิกเลือกจดหมายที่ส่งมาจากระบบแล้วแล้วลากไปยังแท็บหลัก (Primary) ตัวจดหมายที่ถูกลากจะมีสีเหลืองและมีเครื่องหมายถูกด้านหน้า และจะมีคำว่า "ย้ายการสนทนา 1 รายการ" หรือ "Move 1 conversation" ดังรูป หลังจากนั้นก็ให้ปล่อย

 

 

หลังจากปล่อยนิ้วที่คลิกแล้วจะมีข้อความแสดงที่บริเวณด้านบนของหน้าเว็บดังรูป แล้วให้คลิกเลือก ใช่ หรือ Yes 

 

 

รายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัตินี้ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่

 https://support.google.com/mail/answer/3055016?hl=th

 

guest

Post : 2016-12-07 11:31:46.0     Forum: การตั้งค่า Email Smart Phone  >  การตั้งค่า Email บน Android

การตั้งค่า Email บนมือถือ Smart Phone - Android

guest

Post : 2016-12-07 11:29:19.0     Forum: การตั้งค่า Email Smart Phone  >  การตั้งค่า email บนเครื่อง IOS

การตั้งค่า email บนเครื่อง IOS 


  1. คลิก Settings
  2. คลิก Mail, Contacts, Calendars

 

 

 

  

1. คลิก Add Mail Account

 

 

 

  

2. เลือก Other

 

 

3. เลือก Add Mail Account

 

 

 New Account Information   

 

 

  

  1.  ใส่ ชื่อของคุณ ที่ช่อง Name
  2. ใส่ ที่อยู่อีเมล์ของคุณ ( เช่น youremail@yourdomain.com ) ที่ช่อง Email
  3. ใส่ รหัสผ่านของอีเมล์ของคุณ ที่ช่อง Password
  4. คลิก Next

 

 Incoming Mail Server  

 

 

  

  1. Host Name: ใส่ mail.ชื่อโดเมน.com เช่น mail.yourdomain.com
  2. User Name: ใส่ ที่อยู่อีเมล์ของคุณ เช่น youremail@yourdomain.com
  3. Password: ใส่รหัสผ่านของอีเมล์ของคุณ

 

 Outgoing Mail Server  

 

 

  

  1.  Host Name: ใส่ mail.ชื่อโดเมน.com เช่น mail.yourdomain.com
  2. User Name: ใส่ ที่อยู่อีเมล์ของคุณ เช่น youremail@yourdomain.com
  3. Password: ใส่รหัสผ่านของอีเมล์ของคุณ
  4. คลิก Next.

 

Cannot Verify Server Identity 

 

 

 

ถ้าขึ้นหน้าต่างแบบนี้ให้คลิกที Continue หรือ Details แล้วเลือก Accept

 

 

guest

Post : 2016-12-07 11:25:28.0     Forum: การตั้งค่า Email  >  การตั้งค่า Outlook (1and1)

  

ดูวิธีการตั้งค่าใช้งาน Email ในโปรแกรม Outlook 2007 คลิกที่นี่

ดูวิธีการตั้งค่าแยก Folder Email ออกจากกัน เมื่อมี Email มากกว่าหนึ่ง Email

 

 

วิธีการตั้งค่าอีเมลในโปรแกรม Microsoft Outlook 2007


1.เปิดโปรแกรม Microsoft Outlook 2007  คลิกที่ Tools  แล้วคลิก Account  Settings






2. จะเข้าสู่หน้า Account Settings คลิก New


 


3.จะเข้าสู่หน้า Add New E-mail Account  ให้เลือก กำหนดการตั้งค่า server หรือกำหนดชนิด server เพิ่มเติมด้วยตนเอง แล้วคลิก Next 






4.จะเข้าสู่ส่วน Choose E-mail Service ให้เลือก Internet E-mail แล้วคลิก Next




 


5.จะเข้าส่วนการกำหนดค่าของอีเมล ทำการกำหนดค่าดังนี้

      5.1 User Information

            Your name: ใส่ชื่อและนามสกุล ที่จะให้ปรากฎในการติดต่อผ่าน email  ซึ่งจะปรากฎที่ผู้รับ

             E-mail Address : ใส่ email address ของท่าน ตามที่ตั้งค่าในหน้าตั้งค่าอีเมล์

     5.2 Server Information

            Incoming mail server (POP3) : ใส่เป็น pop.1and1.com

            Outgoing mail server (SMTP) :  ใส่เป็น smtp.1and1.com 

    5.3 Logon Information

          User Name : ใส่ชื่อ Login  คือ email account 

          Password : ใส่รหัสผ่านของ email account           


 

6. คลิก More Settings  คลิกที่ Tab Outgoing Server เลือก My outgoing server (SMTP) requires authentication  แล้วคลิก OK  จากนั้นคลิก Next 

 


 

 

* หากต้องการ ทำสำเนา E-mail เก็บไว้บน Server ให้เลือก Tab Advanced  เลือก Leave a copy of messages on the server  แล้วคลิก OK  จากนั้นคลิก Next 




 

7. จากนั้นคลิกปุ่ม Test Account Settings เพื่อทดสอบระบบโดยรวม 

 


 


8. การตั้งค่าอีเมลในโปรแกรม Microsoft Outlook  2007 เสร็จเรียบร้อยค่ะ





กลับด้านบน

 

ขั้นตอนการตั้งค่าแยก Folder Email ออกจากกัน เมื่อมี Email มากกว่าหนึ่ง Email

 ให้ไปที่เมนู Account Setting แล้วทำตามขั้นตอนดังรูป

 

1.

 

2.

 

3.

 

4.

 

5.

 

6.

 

7.

 

กลับด้านบน

guest

Post : 2016-12-07 11:21:45.0     Forum: การตั้งค่า Email  >  การตั้งค่า Outlook

 

ดูวิธีการตั้งค่าใช้งาน Email ในโปรแกรม Outlook 2007 คลิกที่นี่

ดูวิธีการตั้งค่าแยก Folder Email ออกจากกัน เมื่อมี Email มากกว่าหนึ่ง Email

 

 

วิธีการตั้งค่าอีเมลในโปรแกรม Microsoft Outlook 2007


1.เปิดโปรแกรม Microsoft Outlook 2007  คลิกที่ Tools  แล้วคลิก Account  Settings






2. จะเข้าสู่หน้า Account Settings คลิก New






3.จะเข้าสู่หน้า Add New E-mail Account  ให้เลือก กำหนดการตั้งค่า server หรือกำหนดชนิด server เพิ่มเติมด้วยตนเอง แล้วคลิก Next 






4.จะเข้าสู่ส่วน Choose E-mail Service ให้เลือก Internet E-mail แล้วคลิก Next



 

5.จะเข้าส่วนการกำหนดค่าของอีเมล ทำการกำหนดค่าดังนี้

      5.1 User Information

    Your name: ใส่ชื่อและนามสกุล ที่จะให้ปรากฎในการติดต่อผ่าน email  ซึ่งจะปรากฎที่ผู้รับ

      E-mail Address : ใส่ email address ของท่าน ตามที่ตั้งค่าในหน้าตั้งค่าอีเมล์

     5.2 Server Information

            Incoming mail server (POP3) : ใส่เป็น mail.yourdomain.com (yourdomain.com คือ ชื่อ domain ของคุณ)

            Outgoing mail server (SMTP) :  ใส่เป็น mail.yourdomain.com (yourdomain.com คือ ชื่อ domain ของคุณ)

    5.3 Logon Information

          User Name : ใส่ชื่อ Login  คือ email account ที่สร้างไว้ 

          Password : ใส่รหัสผ่านของ email account          

 

 

6. คลิก More Settings  คลิกที่ Tab Outgoing Server เลือก My outgoing server (SMTP) requires authentication  แล้วคลิก OK  จากนั้นคลิก Next 

 

 

* หากต้องการ ทำสำเนา E-mail เก็บไว้บน Server ให้เลือก Tab Advanced  เลือก Leave a copy of messages on the server  แล้วคลิก OK  จากนั้นคลิก Next 


 

7. จากนั้นคลิกปุ่ม Test Account Settings เพื่อทดสอบระบบโดยรวม 

 


 

8. การตั้งค่าอีเมลในโปรแกรม Microsoft Outlook  2007 เสร็จเรียบร้อยค่ะ


 

กลับด้านบน


 

ขั้นตอนการตั้งค่าแยก Folder Email ออกจากกัน เมื่อมี Email มากกว่าหนึ่ง Email

 ให้ไปที่เมนู Account Setting แล้วทำตามขั้นตอนดังรูป

 

1.

 

2.

 

3.

 

4.

 

5.

 

6.

 

7.

 

กลับด้านบน

guest

Post : 2016-12-06 18:16:10.0     Forum: รวมเครื่องมือเทคนิคการตลาด  >  วีดีโอบันทึกสอนเทคนิคการตลาดสำหรับเว็บ Ran4U

วีดีโอบันทึกสอนการปรับเเต่ง เเละเทคนิคการตลาดสำหรับเว็บ Ran4U

VIDEO 1

VIDEO 2

VIDEO 3

 

VIDEO 4

VIDEO 5

VIDEO 6

guest

Post : 2016-12-06 18:12:52.0     Forum: รวมเครื่องมือเทคนิคการตลาด  >  วิธีใช้งาน iMacros

 ขั้นตอนในการโปรโมต

1.   ทำการ Sign In ด้วย Username และ Password ที่เราได้ลงทะเบียนไว้ - ดูขั้นตอนโดยละเอียด

2.   คลิกที่เมนู “เครื่องมือโปรโมตเว็บไซต์”

 

Untitled-10.png

3.   จากนั้นจะเข้าสู่หน้าจอรายชื่อของหมวดหมู่สินค้าของเรา ให้เราเลือกหมวดหมู่สินค้าเพื่อที่จะทำการ “สร้างข้อความประกาศขาย” 

จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Untitled-10.jpg

4.   ขั้นตอนถัดมาจะมีแบบฟอร์มเพื่อให้เรากรอกข้อมูลสำหรับการสร้างข้อความเพื่อนำไปโปรโมต จะเห็นว่าระบบได้สร้างข้อความไว้อยู่แล้ว

แต่ในช่อง Keyword ที่ต้องการทำให้ติดอันดับ นั้น หากข้อความในช่อง ไม่ใช่คีย์เวิร์ด ที่เราได้วิเคราะห์ไว้เเล้ว ให้เปลี่ยนเป็น คีย์เวิร์ดที่ได้วิเคราะห์ไว้

** โดย คีย์เวิร์ดนั้นทีมงาน Ran4U จะวิเคราะห์ให้สมาชิกเเต่ละคนโดยดูข้อมูลจากสินค้าในหน้าเว็บร้านค้าของสมาชิก สามารถติดต่อสอบถามขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะคีย์เวิร์ดได้ที่ http://www.howto.ran4u.com/viewPage.do?clubId=682&clubPageMenuId=483 หรือ ติดต่อมาที่ 028817460,0830466100 email: admin@rongrean.com

                Untitled-10.jpg

           ต่อจากนั้น เราแค่ข้ามไปขั้นตอนต่อไป ด้วยการกดปุ่ม “เพิ่มอันดับ SEO”

          Untitled-120.png

5.   ในส่วนของการนำข้อความไปโพสต์ประกาศ สามารถเลือกทำได้ 2 วิธี โดยจะมีรายละเอียดดังนี้

5.1) ทำการโพสต์ประกาศด้วยเครื่องมือกรอกข้อมูลอัตโนมัติ แนะนำ++

- วิธีนี้จำเป็นต้องเปิดหน้าเว็บด้วย Firefox version 3.0x ขึ้นไป และทำการติดตั้งส่วนเสริมสำหรับ Browser ที่ชื่อว่า iMacros

- Download Firefox คลิก

- Download iMacros คลิก

                จากนั้นทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

(1)  กดปุ่มสีฟ้าที่ชื่อว่า iMacros ที่อยู่ด้านล่างตามรายชื่อเว็บต่างๆทางด้านซ้ายมือ จากนั้นเครื่องมือโพสต์ประกาศอัตโนมัติจะทำงาน โดยการจะเปิดหน้าเว็บใหม่ขึ้นมา ซึ่งเว็บที่เปิดขึ้นมาก็คือเว็บที่เราจะไปโพสต์ประกาศข้อความนั่นเอง

Untitled-11.jpg

(2)  เมื่อรอสักครู่จะเห็นว่าโปรแกรมกำลังทำงานอยู่ โดยตัวเครื่องมือโพสต์ประกาศอัตโนมัตินั้น จะไปกรอกข้อมูลต่างๆตามแต่ละส่วนที่สำคัญในแบบฟอร์มการลงประกาศของในแต่ละเว็บให้เองโดยอัตโนมัติ

(3)  เมื่อโปรแกรมหยุดทำงาน (หน้าจอจะนิ่ง) ให้เราทำตามขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่ 3 ขั้นตอนต่อไปนี้


A.   ทำการ Copy ข้อความฝากประกาศที่ระบบสร้างขึ้นให้ ด้วยการกด Ctrl+a เพื่อเลือกข้อความทั้งหมด กด Ctrl+c เพื่อ copy และจากนั้นนำข้อความที่ Copy แล้วไปวางในส่วนของรายละเอียดการประกาศด้วยการ กด Ctrl+v

                                    

B.   จากนั้นกรอกรหัสยืนยันตัวตน ซึ่งในแต่ละเว็บฝากประกาศได้กำหนดไว้ (บางเว็บอาจไม่ต้อง) และกดปุ่มลงประกาศ หรือ ปุ่มยืนยันข้อความ เพื่อทำการโพสต์

Untitled-15.jpg

จากนั้นเมื่อ Copy URL แล้วให้เรานำไปวางด้วยการกด Ctrl+v โดยวางในส่วนของช่องสีขาวด้านล่างของรายชื่อเว็บดังกล่าวที่เรานำไปประกาศ และกดปุ่มเครื่องหมาย บวก + ด้านหลัง

Untitled-16.jpg

Untitled-24.jpg

ระบบจะทำการเก็บบันทึกสถิติเว็บไซต์ที่เราเพิ่มไปเพื่อเป็นการเก็บสถิติ เราสามารถประกาศเว็บถัดไปได้เลย ด้วยวิธีการกดปุ่ม iMacros สีฟ้าของเว็บถัดไป และทำซ้ำวิธีการที่ (1) ใหม่อีกครั้ง

Untitled210.png

 

  •  หลังจากนั้นทำวิธีการเดียวกัน กับเว็บลำดับต่อไปคือลำดับที่ 2 เมื่อทำครบ 10 เว็บจะถือว่าครบกำหนดใน 1 วัน
  • และวันถัดไปให้เริ่มทำรายชื่อเว็บของวันที่ 2 ทำอย่างนี้ไปจนถึงวันที่ 7 เป็นอันครบ 1 สัปดาห์ แล้วจึงวนมาทำวันที่ 1 ใหม่

guest

Post : 2016-12-06 18:11:07.0     Forum: รวมเครื่องมือเทคนิคการตลาด  >  วิธีการใช้เครื่องมือโปรโมตเว็บไซต์

 

           การทำเว็บขายสินค้าจำเป็นที่จะต้องมีการทำการตลาดเหมือนเช่นการทำธุรกิจประเภทอื่นๆ การโปรโมต/การประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์ของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้เราสามารถสร้า้งยอดขายจากเว็บขายสินค้าได้ เพราะฉะนั้นทางทีมงานผู้พัฒนาเว็บไซต์ Ran4U จึงเล็งเห็นความสำคัญของการโปรโมตเว็บไซต์เพื่อให้สมาชิกที่มาใช้บริการสามารถสร้า้งยอดขายจากการทำธุรกิจเว็บขายสินค้าได้ ด้วยการพัฒนาเครื่องมือเฉพาะทางสำหรับการโปรโมตเว็บไซต์ของสมาชิกแต่ละท่าน เนื่องจากเครื่องมือนี้เป็นฟังก์ชั่นหนึ่งในระบบเว็บ Ran4U จึงจำเป็นสำหรับสมาชิกที่สนใจจะใช้งานเครื่องมือนี้ ต้องเรียนรู้เเละทดลองใช้งานเครื่องมือโปรโมตเว็บไซต์ จากบทความนี้ ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์เเละศักยภาพสูงสุดในการทำธุรกิจเว็บขายสินค้า

             เริ่มต้นทำการโปรโมตเว็บขายสินค้าของคุณ

           จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า การโปรโมต/การประชาสัมพันธ์ การทำการตลาด สำหรับเว็บขายสินค้า เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ธุรกิจเเต่ละประเภทก็จะมีช่องทางในการทำการตลาดที่แตกต่างกันไป ซึ่งสำหรับการทำการตลาดของเว็บขายสินค้านั้น เราจะเลือกใช้บริการของ Search Engine ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้ นั้นก็คือ Google.com มาเป็นช่องทางในการโปรโมต ประชาสัมพันธ์

           ก่อนอื่นเราจะมาศึกษากันก่อนว่า Google ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินอันดับของเว็บไซต์แต่ละเว็บ จากการใช้ คำค้นหา (คำค้นหา ต่อไปนี้จะเรียกว่า คีย์เวิร์ด = Keyword) คำเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น หากลอง search ใน Google ด้วยคำว่า ขายกระเป๋าเราจะเจอเว็บไซต์มากมายที่เป็นผลลัพธ์ของคำว่า ขายกระเป๋า และเราจะสังเกตุได้ว่า เว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับเเรกจะได้รับความสนใจมากที่สุด และเว็บไซต์อันดับรองลงมาก็จะได้รับความสนใจรองลงมา ซึ่งหมายถึงเว็บไซต์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดก็จะมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถสร้า้งยอดขายได้มากที่สุด  ดังนั้นถ้าเราสามารถทำให้เว็บของเราทำอันดับให้สูงกว่าเว็บที่มีอันดับสูงกว่าเรา ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียว.....เเละสิ่งสำคัญหลักๆที่ Google ใช้ในการตัดสินว่าเว็บไหนอยุ่อันดับที่เท่าไหร่ Google จะดูจากที่ว่า เว็บนั้นมี link ที่มาจากเว็บอื่นๆทั่วโลกมากแค่ไหน ลักษณะคล้ายๆกับว่า เว็บที่อยู่อันดับที่ดี ก็คือเว็บที่มีป้ายบอกทางให้คนทราบมากที่สุด มีป้ายอยู่ในหลายๆที่ ไม่ว่าจะไกลเเค่ไหน คนก็มาถูก เพราะมีป้ายบอกทาง  ป้ายในที่นี้ก็เปรียบได้กับ link จากเว็บอื่นๆที่วิ่งมาหาเว็บไซต์ของเรานั่นเอง ในที่นี่เราจะเรียก link ประเภทนี้ว่า Backlink

 

รูป 1: แสดงให้เห็นว่า เว็บของเราคือ วงกลมสีน้ำเงิน ส่วนวงกลมรอบๆคือเว็บอื่นๆที่มี link มายังเว็บเรา

 

เพราะฉะนั้นเราจึงต้องสร้าง link อย่างมากมายเพื่อทำอันดับให้ดีกว่าเว็บคู่เเข่งที่ใช้คำในการค้นหาคำเดียวกับเรา และหากเราลองสังเกตุดู จะเห็นว่าในตอนเเรกเราลองค้นหาใน Google ด้วยคำว่า ขายกระเป๋า แต่หากเราลองตัดคำว่า 'ขาย' ออกไป และลองค้นหาด้วยเเค่คำว่า กระเป๋า เราจะพบว่าผลลัพธ์ของการค้นหานั้นได้เปลี่ยนไป นั้นหมายถึง การเลือกใช้คำค้นหา (Keyword) นั้น มีความสำคัญมากว่าคำๆนั้นจะมีคู่เเข่งจำนวนเท่าใด คำไหนมีผลลัพธ์ในการค้นหามากหรือน้อย เเละมีคนสนใจที่จะใช้คำนี้ในการค้นหาบ่อยเเค่ไหน โดยเราจะต้องมาวิเคราะห์กันว่า เราจะใช้ Keyword คำไหนเป็นคำที่จะระบุให้กับ Backlink ว่า ถ้ามีคนมาค้นหา Google ด้วยคำๆนั้น เเล้วจะเจอเว็บของเรา สมาชิกที่ใช้งานเว็บ Ran4U สามารถสร้า้ง Backlink ดังกล่าวได้ด้วยการใช้เครื่องมือโปรโมตเว็บไซต์ของ Ran4u


 

1. ทำการวิเคราะห์ Keyword

เราสามารถใช้เครื่องมือโปรโมตเว็บไซต์เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการทำการตลาดสำหรับเว็บขายสินค้าได้ด้วยการ คลิกที่ เมนูสีดำด้านบนที่เขียนว่า "เครื่องมือโปรโมตเว็บไซต์"

 

 

จากนั้นเราจะเห็นว่า มีชื่อหมวดหมู่สินค้าของเราเรียงกันอยู่มากมาย เราสามารถเลือกมาหมวดหมู่ 1 ที่เราจะต้องการจะทำการโปรโมต จากนั้นกดที่ปุ่มสีเขียวที่เขียนว่า "สร้างข้อความประกาศขาย" นั้นหมายถึงเราจะทำการสร้างความที่มี link กลับมายังเว็บของเรา เเละนำข้อความนี้ไปโพสต์ประกาศตามเว็บต่างๆ เพื่อเพิ่ม Backlink ให้กับเว็บของเรานั้นเอง

 

 

จากนั้นจะเข้าสู่หน้าที่เป็นเเบบฟอร์มสำหรับให้เรากรอกข้อความที่จะนำไปโพสต์เพื่อสร้า้ง Backlink

 

 

ในช่องเเรกที่เขียนว่า Keyword ที่ต้องการทำให้ติดอันดับ เเละช่องอื่นๆ จะเห็นว่ามันมีข้อมูลระบุไว้อยู่เเล้ว ซึ่งข้อความเหล่านี้ระบบได้ทำการสร้า้งขึ้นโดยอัตโนมัติจากข้อมูลของหมวดหมู่สินค้าและข้อมูลของผู้ใช้งานที่ได้ระบุลงไปในส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนเเปลงได้ตามความต้องการเเละตามความเหมาะสม ซึ่งข้อความเหล่านี้จะถูกนำไปสรา้งเป้นข้อความสำหรับโพสต์ประกาศเพื่อสร้า้ง Backlink เเต่จะพบว่าเรายังไม่มี Keyword?

เราสามารถเลือก Keyword ได้โดยการวิเคราะห์จาก เครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของ Google ทั้งนี้เราไม่ควรจะกำหนดคีย์เวิร์ดขึ้นมาเองโดยไม่ได้รับการวิเคราะห์เพราะเนื่องจาก คำบางคำเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าได้รับความนิยมในการค้นหามากหรือน้อยเพียงใด

 

 

เมื่อคลิกที่ปุ่ม "ค้นหาคีย์เวิร์ด" เราก็จะเข้าสู่ Google Keywords Tool

 

 

ให้เราระบุคำค้นหาที่สอดคล้องกับข้อมูลสินค้าในเว็บของเรา ตรงส่วนของช่องสี่เหลี่ยมด้านบนที่เขียนว่า Find Keywords

 

 

เช่น เว็บของเราอาจจะขายเครื่องสำอางค์ เราอาจจะลองใช้คำว่า "กระเป๋า"

 

 

และตรงส่วนของ Advanced Options ให้เราเลือก Locations เป็นประเทศของเรา เเละตรง Languages เลือกเป็น ภาษาของ Keyword ที่เราต้องการจะค้น ถ้า Keyword เป็นคำไทยก็เลือกภาษาไทยนั้นเอง

 

จากนั้นกดปุ่ม "Search" จะเห็นว่าตารางด้านล่างจะปรากฏผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ ดูตัวอย่าง

 

 

ซึ่งในตารางนั้นจะมีข้อมูลหลักๆที่สำคัญที่จะนำมาวิเคราะห์นั่นคือส่วนของ หัวข้อ Global Monthly Searches เเละ Local Monthly Searches ซึ่ง

 

 

- Global Monthly Searches คือ จำนวนครั้งที่บันทึกไว้ว่า ในเวลา 1 เดือน มีผู้คนจากทั่วโลกใช้ Keyword นี้ ค้นหาเป็นจำนวนกี่ครั้ง

- Local Monthly Searches ความหมายเดียวกันกับ Global Monthly Searches แต่ต่างกันที่  Local Monthly Searches หมายถึงจำนวนคนในพื้นที่ ซึ่งเราได้เลือกไว้ในส่วนของ Locations ตรง Advanced Options หรือหมายถึงจำนวนการค้นหาที่คิดจากคนภายในประเทศนั้นเอง

 

 

จากนั้นเราจะลองมาดูอีก 1 ฟังก์ชั้นที่มีความสำคัญในเครื่องมือนี้ นั้นคือส่วนของด้านซ้ายมือจะมีเมนูที่ชื่อว่า Match Types ซึ่งจะเห็นว่าจะมี Types ให้เลือกอยู่ 3 อัน เเละจะมีเครื่องหมายเช็คไว้ที่ Board Type อยู่เเล้ว หากเราลอง เลือก Type ที่ต่างกันไป ผลของการค้นหาก็จะเปลี่ยนไป ซึ่ง Type ทั้ง 3 อันนี้ มีความหมายในแต่ละอัน ดังนี้

1. Board หมายถึง ผลการค้นหาที่รวมเอา Keyword1+xxx+Keyword2+yyy หรือ Keyword1+Keyword2+xxx หรือ Keyword1+Keyword2 นั้นก็คือจะนับเอาทั้ง Keyword ที่พบ และคำอื่นๆ (xxx กับ yyy) มารวมอยู่ในผลการค้นหาด้วย

ตัวอย่าง http://www.google.co.th/search?q=how+many+hotels+in+thailand

2. [Exact] หมายถึง นับเฉพาะ Keyword1+Keyword2 นั้นหมายถึงผลลัพธ์ที่ได้จะมีเเต่คำที่เป็น Keyword เท่าันั้น ซึ่งเเน่นอนว่าเราจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่า เเละเป็นเว็บไซต์ที่เจาะจงถึง Keyword นี้จริงๆ

ตัวอย่าง http://www.google.co.th/search?q=thailand+hotels

3. "Phrase" หมายถึง นับเฉพาะ Keyword1+Keyword2+xxx หรือ Keyword1+Keyword2 เท่านั้น

ตัวอย่าง http://www.google.co.th/search?q=discount+thailand+hotels+reservation

จากตัวอย่างผลการค้นหาของ คำว่า "thailand hotels" จะแสดงให้เห็นถึงความเเตกต่างของ Match Types ทั้ง 3 เเบบ

Case Study

เมื่อเราทราบถึงความเเตกต่างระหว่าง Match Types ทั้ง 3 เเบบเเล้ว ทีนี้เราจะมาลองเลือก Keyword ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ของเราเช่นในบทความนี้ จะเเสดงตัวอย่างของเว็บไซต์ที่ขายสินค้าจำพวกสินค้าเเฟชั่น www.ypassion.com

 

 

เเละต้องการจะทำการโปรโมตสินค้า "กระเป๋า harrods" และจากการใช้เครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของ Google ทำการวิเคราะห์แล้ว พบว่า

 

 

Keyword: "กระเป๋า"

Board Type -  Global Monthly Searches = 1,500,000  / Local Monthly Searches = 1,500,000

 "Pharse" Type -  Global Monthly Searches = 1,500,000  / Local Monthly Searches = 1,500,000

[Exact] Type -  Global Monthly Searches = 27,100  / Local Monthly Searches = 27,100


เนื่องจากทางเว็บไซต์ต้องการโปรโมตกระเป๋าที่เป็นยี่ห้อเฉพาะ นั่นคือ ยี่ห้อ Harrods จึงลองวิเคราะห์ด้วยอีกคำคือ

 

 

Keyword: "กระเป๋า harrods"

*ตัวอักษรเล็กหรือใหญ่ในภาษาอังกฤษไม่สำคัญกับผลลัพธ์

Board Type -  Global Monthly Searches = 6,600  / Local Monthly Searches = 6,600

"Pharse" Type -  Global Monthly Searches = 5,400 / Local Monthly Searches = 5,400

[Exact] Type -  Global Monthly Searches = 1,900  / Local Monthly Searches = 1,900


จะเห็นว่า พอเราเพิ่มคำว่า harrods ซึ่งเป็นยี่ห้อเฉพาะของกระเป๋า ทำให้ผลการค้นหานั้นมีจำนวนที่ลดลง นั่นหมายถึงเราจะได้เเค่ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับ กระเป๋า harrods โดยตรง ไม่ใช่เพียงเเค่ กระเป๋า เฉยๆ ซึ่งอาจหมายถึง กระเป๋ายี่ห้ออื่นๆ หรือกระเป๋าอะไรก็ได้

ฉะนั้น จำนวนตัวเลขที่เป็นผลลัพธ์ตรงนี้จะเป็นจำนวนที่เชื่อถือได้มากที่สุด แต่...ในอีกกรณี เเค่คำว่า กระเป๋า harrods อาจจะหมายถึง การซื้อ หรือ การขาย หรือ การกระทำอื่นๆที่รวมอยู่ในคำว่า กรเป๋า harrods เพราะฉะนั้นเราจะลอง เน้นไปในการกระทำเฉพาะทางนั้นคือเราต้องการขาย ก็จะลองวิเคราะ์ห์ keyword ที่เหมาะสมด้วยคำว่า

 

 

Keyword: "ขาย กระเป๋า harrods"

Board Type -  Global Monthly Searches = 590  / Local Monthly Searches = 590

"Pharse" Type -  Global Monthly Searches = 480 / Local Monthly Searches = 480

[Exact] Type -  Global Monthly Searches = 110  / Local Monthly Searches = 110


จากผลการค้นหา เราจะเอาตัวเลขที่ได้จากประเภทการค้นหาเเบบ Exact เพราะถือว่าเป็นประเภทที่เเม่นยำเเละใกล้เคียงต่อความต้องการของเรามากที่สุด สรุปเเล้วจะได้ว่า

Keyword กระเป๋า = 27,100

Keyword กระเป๋า็ harrods = 1,900

Keyword ขาย กระเป๋า harrods = 110

ทีนี้เราจะมาใช้ Keyword ไหน? เืพื่อที่จะนำมาโปรโมตเว็บของเรา เพราะเเต่ละคำมีค่าตัวเลขที่ต่างกัน ความเเตกต่างของตัวเลขเหล่านี้ อยู่ตรงที่ ถ้าตัวเลขสูงนั้นหมายถึง มีคนนิยมที่ใช้คำๆนั้นค้นหามาก ซึ่งก็จะมีทั้งข้อดีเเละข้อเสีย คือ Keyword "กระเป๋า" มีค่ามากที่สุด (27,100) เเสดงว่าคนค้นหามากที่สุด ถ้าเราโปรโมตเว็บของเราให้ติดอยู่ในอันดับ 1-3 หรือ ในหน้าเเรกของ Google ได้ ก็จะส่งผลดีต่อการที่จะมีคนมากมายเข้ามาดูสินค้าในเว็บของเรา เเต่ในอีกเเง่มุมหนึ่ง ก็คือคนอื่นๆที่มีเว็บไซต์ขายสินค้าประเถทเดียวกันกับเรา ก็จะมุ่งมาทำการโปรโมตที่ Keyword "กระเป๋า" เหมือนกัน เพราะเป็น Keyword ที่ได้รับความนิยมในการค้นหา เราก็จะมีคู่เเข่งมาก ทำการเเข่งขันกันโปรโมตเพื่อให้เว็บตัวเองเเซงเว็บคู่เเข่ง เพราะฉะนั้นใครทำก่อน ใครทำมาก ก็ย่อมได้เปรียบ

แต่ในกรณีที่เราเพิ่งเริ่มโปรโมตเว็บ เเนะนำว่าให้เริ่มโปรโมตจากคำที่มีความนิยมในการค้นหาในระดับที่ปานกลาง(1,000 - 10,000 ) จากผลการวิเคราะห์พบว่า Keyword "กระเป๋า harrods" นั้นเหมาะสมอย่า่งยิ่ง เนื่องจากมีผลการค้นหาในระดับกลางๆ (1,900) ซึ่งเราจะใช้ Keyword นี้มาทำการโปรโมตเว็บขายสินค้า่ของเรา


2. การโพสต์ประกาศเพื่อทำ Backlink

เมื่อเราได้ Keyword เเล้ว เราก็จะทำมาใส่ในช่อง Keyword mี่ต้องการทำให้ติดอันดับ

 

 

จากนั้นเพิ่มเติมในส่วนของช่องอื่นๆให้มี Keyword ของเราอยู่ด้วย

Trick: ชื่อหมวดหมู่สินค้าของเรา ชื่อสินค้า รายละเอียด ข้อความในหน้าเเรก เเละ Page Title ควรพยายามใส่ Keyword ของเราเข้าไปด้วย เเละทำ link ตรงข้อความที่เป้น Keyword กลับมาที่ url เว็บของเรา ทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เเต่ต้องพยายามให้มีความกลมกลืนเเละดูเป็นธรรมชาติ โดยสามารถดูวิธีการปรับเเต่งส่วนต่างๆดังกล่าวได้จาก เมนูด้านซ้ายมือ ของหน้าเว็บไซต์นี้

เมื่อเราปรับเเต่งข้อความสำหรับที่จะไปทำการโพสต์ประกาศเรียบร้อยเเล้ว ให้กดปุ่ม "สร้า้ง" เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการนำข้อความไปโพสต์ประกาศ

ในหน้านี้ เราจะเห็นว่าระบบได้สรา้งข้อความอัตโนมัติ มา 4 ประเภท นั้นคือ

 

1. HTML Code

 

2. BB Code

 

3. ข้อความธรรมดา

 

4. ข้อความสำเร็จรูป

 

โดยข้อความทั้ง 4 ประเภทนี้ได้นำเอาข้อมูลของเราที่กรอกในเเบบฟอร์ม ของขั้นตอนก่อนหน้านี้เเละข้อมูลของเจ้าของเว็บ นำมาสร้า้งขึ้นด้วยเทคนิคขั้นสูง ที่จะต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับการสร้า้งข้อความด้วยภาษา HTML ที่รองรับต่อการทำ SEO เพื่อให้บอทของ Google ที่จะิวิ่งเข้ามาอ่านข้อความของเราที่เราได้ไปทำการโพสต์ประกาศไว้ที่เว็บต่างๆ ว่าเป็นข้อความทีมีคุณภาพ ถูกต้องตามหลักการทำ Backlink โดยจะสังเกตุว่าในข้อความจะมีการเเทรก Keyword ของเราเข้าไปอยู่อย่างมากมาย เเละ ใน Keyword นั้นเองจะมี link กลับมาที่เว็บของเรา ทั้งนี้เพื่อเป็นการบอกทางว่า Keyword คำนี้ จะวิ่งมาที่เว็บไหน เป็นต้น...

 

 

จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างจะพบว่า มีรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆมากมาย เว็บไซต์เหล่านี้คือเว็บไซต์ที่เราจะต้องนำข้อความไปโพสต์ประกาศเพื่อการทำ Backlink นั้นเอง แต่....ข้อความมีถึง 4 เเบบ เราจะเลือกเเบบไหน?

วิธีการคือ ให้เราสังเกตุที่เครื่องหมายถูกสีชมพู ที่ระบุอยู่ส่วนขวามือของตารางรายชื่อเว็บ ยกตัวอย่างเช่น

 

เว็บไซต์ที่ 3 :  http://www.plazapost.com

 

 

จะเห็นว่า "เครื่องหมายถูก" ถูกระบุที่ HTML Code, เครื่องมือ, อัพโหลดรูป, ข้อความธรรมดา, สร้างลิงค์ เเต่ไม่มีการระบุที่ BB Code

นั้นหมายความว่า เว็บไซต์นี้เราสามารถเอาข้อความที่เป็นประเภท HTML Code หรือ ข้อความสำเร็จรูป  (ข้อความสำเร็จรูปหมายถึง ข้อความประเภทเครื่องมือ เพราะมันถูกสร้า้งขึ้นจากเครื่องมือการทำเอกสาร หรือ text editor) หรือ ข้อความธรรมดา ไปโพสต์ได้ โดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เเต่ไม่สามารถนำเอา BB Code ไปใส่ได้ เเละสามารถ อัพโหลดรูปได้ สร้า้งลิงค์ได้ ตาที่มีการระบุไว้

Trick: ในบทความนี้ขอเเนะนำว่าในกรณีที่เว็บไซต์นั้นสามารถลองรับข้อความได้หลากหลาย เเละในกรณีที่มันมีการรองรับ เครื่องมือ อยู่ด้วย ให้เราใช้ข้อความประเภท ข้อความสำเร็จรูป เเต่ถ้าไม่มีเครื่องมือ ให้เราเลือกใช้ HTML Code

 

เมื่อเราเข้าใจในการเลือกใช้ข้อความเเล้ว เราก็จะทำการโพสต์ประกาศ โดยให้เราเปิดเว็บ http://www.plazapost.com ขึ้นมา

 

เเละไปในส่วนของ "ลงประกาศ"

 

จากนั้นทำตามขั้นตอนในการลงประกาศของเว็บไซต์ ซึ่งเเต่ละเว็บก็จะไม่เหมือนกัน เเต่จะเป็นไปในเเนวทางเดียวกัน นั้นคือ เลือก หมวดหมู่ของสินค้าที่จะประกาศ ในกรณีนี้สินค้าที่จะโปรโมตคือกระเป๋า ฉะนั้นเราจะเลือกเป็น หมวดหมู่ของ สินค้าแฟชั่น

 

 

จากนั้นทำการกรอกข้อมูลของผู้ประกาศ ส่วนที่สำคัญคือส่วนของรายละเอียดประกาศที่เราจะต้องทำการคัดลอกมาจากเครื่องมือโปรโมตเว็บไซต์ในเว็บของเรา ซึ่งเราได้ทราบเเล้วว่า http://www.plazapost.com นั้นรองรับข้อความที่เป็นข้อความสำเร็จรูป ก็ให้เราคัดลอกข้อความทั้งหมดในกรอบไปวางไว้ในกรอบข้อความของเว็บ http://www.plazapost.com 

 

 

จากนั้นเมื่อเราลงประกาศเรียบร้อยเเล้ว

 

 

ให้เรากลับไปที่หน้าที่เป็นผลลัพธ์ของการประกาศในเว็บ http://www.plazapost.com 

 

 

เเละให้เราทำการคัดลอก url address ของหน้านั้นมา

 

เเละนำมาวางไว้ในช่องสีขาวด้านล่าง จากนั้นกด + หรือ กดปุ่ม enter ขั้นตอนนี้เป็นการทำเหมือนในลักษณะที่เราทำการ bookmark หรือ add favorite หน้าเว็บไซต์ ไว้เพื่อเก็บไว้ดูในคราวหลัง หรือเก็บไว้เพื่อเป็นสถิติว่าเราได้ทำการโพสต์ประกาศไว้เเล้ว

 

 

เพียงเท่านี้เราก็ได้ Backlink เพิ่มขึ้นจากเดิม ถ้าเราสังเกตุเราจะพบว่าข้อความที่เราไปโพสต์ไว้ในเว็บ http://www.plazapost.com นั้น จะมีข้อความที่เป็น Keyword อยู่มากมาย เเละเเต่ละ Keyword จะมี link กลับมาที่เว็บของเรา เช่น

กระเป๋า harrods ถ้่าคลิกที่ข้อความนี้ก็จะมี link กลับไปที่ www.ypassion.com นั้นเอง

หากต้องการทำเพิ่มนอกเหนือจากเว็บ plazapost ก็ใช้วิธีการเดียวกันกับเว็บอื่น เเละอย่าลืมทำการ bookmark url address ของหน้าผลลัพธ์ทุกๆครั้งที่ทำการโพสต์ประกาศข้อความ

 

 

คำเเนะนำ - ทำการโพสต์ประกาศวันละ 5-10 เว็บในรายการ โดย bookmark url ทุกครั้งที่โพสต์เสร็จ เเละไม่ควรโพสต์ซ้ำเว็บเดิมในวันเดียวกัน เพราะบางเว็บไซต์มีกฏระเบียบห้ามทำการโพสต์ข้อความซ้ำกันใน 1 วัน ซึ่งหากฝ่าฝืนอาจโดนตัดสิทธิ์การใช้งานได้ หรือถูกลบข้อความทิ้งนั้นเอง เเละควรเลือกโำพสต์ประกาศในเว็บที่มี เครื่องหมายถูกตรง "เครื่องมือ" หรือ เครื่องหมายถูกตรง "HTML Code" ก็ได้ เนื่องจากข้อความสำเร็จรูปเเละ HTML Code นั้นเป็นข้อความที่รองรับต่อการทำคะเเนนด้วย Backlink ที่ดีที่สุด (เพราะมี link ที่ Keyword กลับมาที่เว็บไซต์เรา) ทั้งยังมีความสะดวกรวดเร็วในการโพสต์ เเต่เราควรเลือกโพสต์เว็บที่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องสมัครสมาชิก เพราะขั้นตอนเหล่านี้จะทำให้เสียเวลา เนื่องจากเราต้องการสิ่งสำคัญประการเดียวคือ การที่ Keyword มี link มาที่เว็บของเรา ไม่ใช่การกรอกข้อมูลผู้ประกาศ ซึ่งไม่มีประโยชนืในเเง่ของการทำ SEO

หมายเหตุ : การแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์ ต้องทำการ SIGN-IN หรือ LOG-IN ก่อนทุกครั้ง 
( คลิกดูวิธีการSIGN-IN )

 


หากมีข้อสงสัย สามารถดูวีดีบันทึกการสอนการใช้งานได้ที่

http://www.howto.ran4u.com/viewPage.do?clubId=682&clubPageMenuId=470

หรือหากต้องการคำเเนะ/คำปรึกษา สามารถติดต่อได้ที่

call center: 02-881-7460, 083-046-6100

email: admin@rongrean.com


บทความจาก Ran4U.com : สร้างเว็บฟรี ขายของออนไลน์ เว็บขายสินค้า เว็บขายของ ธุรกิจ eCommerce ธุรกิจ sme

guest

Post : 2016-12-06 18:08:31.0     Forum: รวมเครื่องมือเทคนิคการตลาด  >  วิธีการวิเคราะห์ Keyword

 วิธีการวิเคราะห์ Keyword

เราสามารถใช้เครื่องมือโปรโมตเว็บไซต์เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการทำการตลาดสำหรับเว็บขายสินค้าได้ด้วยการ คลิกที่ เมนูสีดำด้านบนที่เขียนว่า "เครื่องมือโปรโมตเว็บไซต์"

 

 

จากนั้นเราจะเห็นว่า มีชื่อหมวดหมู่สินค้าของเราเรียงกันอยู่มากมาย เราสามารถเลือกมาหมวดหมู่ 1 ที่เราจะต้องการจะทำการโปรโมต จากนั้นกดที่ปุ่มสีเขียวที่เขียนว่า "สร้างข้อความประกาศขาย" นั้นหมายถึงเราจะทำการสร้างความที่มี link กลับมายังเว็บของเรา เเละนำข้อความนี้ไปโพสต์ประกาศตามเว็บต่างๆ เพื่อเพิ่ม Backlink ให้กับเว็บของเรานั้นเอง

 

 

จากนั้นจะเข้าสู่หน้าที่เป็นเเบบฟอร์มสำหรับให้เรากรอกข้อความที่จะนำไปโพสต์เพื่อสร้า้ง Backlink

 

 

ในช่องเเรกที่เขียนว่า Keyword ที่ต้องการทำให้ติดอันดับ เเละช่องอื่นๆ จะเห็นว่ามันมีข้อมูลระบุไว้อยู่เเล้ว ซึ่งข้อความเหล่านี้ระบบได้ทำการสร้า้งขึ้นโดยอัตโนมัติจากข้อมูลของหมวดหมู่สินค้าและข้อมูลของผู้ใช้งานที่ได้ระบุลงไปในส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนเเปลงได้ตามความต้องการเเละตามความเหมาะสม ซึ่งข้อความเหล่านี้จะถูกนำไปสรา้งเป้นข้อความสำหรับโพสต์ประกาศเพื่อสร้า้ง Backlink เเต่จะพบว่าเรายังไม่มี Keyword?

เราสามารถเลือก Keyword ได้โดยการวิเคราะห์จาก เครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของ Google ทั้งนี้เราไม่ควรจะกำหนดคีย์เวิร์ดขึ้นมาเองโดยไม่ได้รับการวิเคราะห์เพราะเนื่องจาก คำบางคำเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าได้รับความนิยมในการค้นหามากหรือน้อยเพียงใด

 

เมื่อคลิกที่ปุ่ม "ค้นหาคีย์เวิร์ด" เราก็จะเข้าสู่ Google Keywords Tool

 

 

ให้เราระบุคำค้นหาที่สอดคล้องกับข้อมูลสินค้าในเว็บของเรา ตรงส่วนของช่องสี่เหลี่ยมด้านบนที่เขียนว่า Find Keywords

 

 

เช่น เว็บของเราอาจจะขายเครื่องสำอางค์ เราอาจจะลองใช้คำว่า "กระเป๋า"

 

 

และตรงส่วนของ Advanced Options ให้เราเลือก Locations เป็นประเทศของเรา เเละตรง Languages เลือกเป็น ภาษาของ Keyword ที่เราต้องการจะค้น ถ้า Keyword เป็นคำไทยก็เลือกภาษาไทยนั้นเอง

 

จากนั้นกดปุ่ม "Search" จะเห็นว่าตารางด้านล่างจะปรากฏผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ ดูตัวอย่าง

 

 

ซึ่งในตารางนั้นจะมีข้อมูลหลักๆที่สำคัญที่จะนำมาวิเคราะห์นั่นคือส่วนของ หัวข้อ Global Monthly Searches เเละ Local Monthly Searches ซึ่ง

 

 

- Global Monthly Searches คือ จำนวนครั้งที่บันทึกไว้ว่า ในเวลา 1 เดือน มีผู้คนจากทั่วโลกใช้ Keyword นี้ ค้นหาเป็นจำนวนกี่ครั้ง

- Local Monthly Searches ความหมายเดียวกันกับ Global Monthly Searches แต่ต่างกันที่  Local Monthly Searches หมายถึงจำนวนคนในพื้นที่ ซึ่งเราได้เลือกไว้ในส่วนของ Locations ตรง Advanced Options หรือหมายถึงจำนวนการค้นหาที่คิดจากคนภายในประเทศนั้นเอง

 

 

จากนั้นเราจะลองมาดูอีก 1 ฟังก์ชั้นที่มีความสำคัญในเครื่องมือนี้ นั้นคือส่วนของด้านซ้ายมือจะมีเมนูที่ชื่อว่า Match Types ซึ่งจะเห็นว่าจะมี Types ให้เลือกอยู่ 3 อัน เเละจะมีเครื่องหมายเช็คไว้ที่ Board Type อยู่เเล้ว หากเราลอง เลือก Type ที่ต่างกันไป ผลของการค้นหาก็จะเปลี่ยนไป ซึ่ง Type ทั้ง 3 อันนี้ มีความหมายในแต่ละอัน ดังนี้

1. Board หมายถึง ผลการค้นหาที่รวมเอา Keyword1+xxx+Keyword2+yyy หรือ Keyword1+Keyword2+xxx หรือ Keyword1+Keyword2 นั้นก็คือจะนับเอาทั้ง Keyword ที่พบ และคำอื่นๆ (xxx กับ yyy) มารวมอยู่ในผลการค้นหาด้วย

ตัวอย่าง http://www.google.co.th/search?q=how+many+hotels+in+thailand

2. [Exact] หมายถึง นับเฉพาะ Keyword1+Keyword2 นั้นหมายถึงผลลัพธ์ที่ได้จะมีเเต่คำที่เป็น Keyword เท่าันั้น ซึ่งเเน่นอนว่าเราจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่า เเละเป็นเว็บไซต์ที่เจาะจงถึง Keyword นี้จริงๆ

ตัวอย่าง http://www.google.co.th/search?q=thailand+hotels

3. "Phrase" หมายถึง นับเฉพาะ Keyword1+Keyword2+xxx หรือ Keyword1+Keyword2 เท่านั้น

ตัวอย่าง http://www.google.co.th/search?q=discount+thailand+hotels+reservation

จากตัวอย่างผลการค้นหาของ คำว่า "thailand hotels" จะแสดงให้เห็นถึงความเเตกต่างของ Match Types ทั้ง 3 เเบบ

Case Study

เมื่อเราทราบถึงความเเตกต่างระหว่าง Match Types ทั้ง 3 เเบบเเล้ว ทีนี้เราจะมาลองเลือก Keyword ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ของเราเช่นในบทความนี้ จะเเสดงตัวอย่างของเว็บไซต์ที่ขายสินค้าจำพวกสินค้าเเฟชั่น www.ypassion.com

 

 

เเละต้องการจะทำการโปรโมตสินค้า "กระเป๋า harrods" และจากการใช้เครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของ Google ทำการวิเคราะห์แล้ว พบว่า

 

 

Keyword: "กระเป๋า"

Board Type -  Global Monthly Searches = 1,500,000  / Local Monthly Searches = 1,500,000

 "Pharse" Type -  Global Monthly Searches = 1,500,000  / Local Monthly Searches = 1,500,000

[Exact] Type -  Global Monthly Searches = 27,100  / Local Monthly Searches = 27,100


เนื่องจากทางเว็บไซต์ต้องการโปรโมตกระเป๋าที่เป็นยี่ห้อเฉพาะ นั่นคือ ยี่ห้อ Harrods จึงลองวิเคราะห์ด้วยอีกคำคือ

 

 

Keyword: "กระเป๋า harrods"

*ตัวอักษรเล็กหรือใหญ่ในภาษาอังกฤษไม่สำคัญกับผลลัพธ์

Board Type -  Global Monthly Searches = 6,600  / Local Monthly Searches = 6,600

"Pharse" Type -  Global Monthly Searches = 5,400 / Local Monthly Searches = 5,400

[Exact] Type -  Global Monthly Searches = 1,900  / Local Monthly Searches = 1,900


จะเห็นว่า พอเราเพิ่มคำว่า harrods ซึ่งเป็นยี่ห้อเฉพาะของกระเป๋า ทำให้ผลการค้นหานั้นมีจำนวนที่ลดลง นั่นหมายถึงเราจะได้เเค่ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับ กระเป๋า harrods โดยตรง ไม่ใช่เพียงเเค่ กระเป๋า เฉยๆ ซึ่งอาจหมายถึง กระเป๋ายี่ห้ออื่นๆ หรือกระเป๋าอะไรก็ได้

ฉะนั้น จำนวนตัวเลขที่เป็นผลลัพธ์ตรงนี้จะเป็นจำนวนที่เชื่อถือได้มากที่สุด แต่...ในอีกกรณี เเค่คำว่า กระเป๋า harrods อาจจะหมายถึง การซื้อ หรือ การขาย หรือ การกระทำอื่นๆที่รวมอยู่ในคำว่า กรเป๋า harrods เพราะฉะนั้นเราจะลอง เน้นไปในการกระทำเฉพาะทางนั้นคือเราต้องการขาย ก็จะลองวิเคราะ์ห์ keyword ที่เหมาะสมด้วยคำว่า

 

 

Keyword: "ขาย กระเป๋า harrods"

Board Type -  Global Monthly Searches = 590  / Local Monthly Searches = 590

"Pharse" Type -  Global Monthly Searches = 480 / Local Monthly Searches = 480

[Exact] Type -  Global Monthly Searches = 110  / Local Monthly Searches = 110


จากผลการค้นหา เราจะเอาตัวเลขที่ได้จากประเภทการค้นหาเเบบ Exact เพราะถือว่าเป็นประเภทที่เเม่นยำเเละใกล้เคียงต่อความต้องการของเรามากที่สุด สรุปเเล้วจะได้ว่า

Keyword กระเป๋า = 27,100

Keyword กระเป๋า็ harrods = 1,900

Keyword ขาย กระเป๋า harrods = 110

ทีนี้เราจะมาใช้ Keyword ไหน? เืพื่อที่จะนำมาโปรโมตเว็บของเรา เพราะเเต่ละคำมีค่าตัวเลขที่ต่างกัน ความเเตกต่างของตัวเลขเหล่านี้ อยู่ตรงที่ ถ้าตัวเลขสูงนั้นหมายถึง มีคนนิยมที่ใช้คำๆนั้นค้นหามาก ซึ่งก็จะมีทั้งข้อดีเเละข้อเสีย คือ Keyword "กระเป๋า" มีค่ามากที่สุด (27,100) เเสดงว่าคนค้นหามากที่สุด ถ้าเราโปรโมตเว็บของเราให้ติดอยู่ในอันดับ 1-3 หรือ ในหน้าเเรกของ Google ได้ ก็จะส่งผลดีต่อการที่จะมีคนมากมายเข้ามาดูสินค้าในเว็บของเรา เเต่ในอีกเเง่มุมหนึ่ง ก็คือคนอื่นๆที่มีเว็บไซต์ขายสินค้าประเถทเดียวกันกับเรา ก็จะมุ่งมาทำการโปรโมตที่ Keyword "กระเป๋า" เหมือนกัน เพราะเป็น Keyword ที่ได้รับความนิยมในการค้นหา เราก็จะมีคู่เเข่งมาก ทำการเเข่งขันกันโปรโมตเพื่อให้เว็บตัวเองเเซงเว็บคู่เเข่ง เพราะฉะนั้นใครทำก่อน ใครทำมาก ก็ย่อมได้เปรียบ

แต่ในกรณีที่เราเพิ่งเริ่มโปรโมตเว็บ เเนะนำว่าให้เริ่มโปรโมตจากคำที่มีความนิยมในการค้นหาในระดับที่ปานกลาง(1,000 - 10,000 ) จากผลการวิเคราะห์พบว่า Keyword "กระเป๋า harrods" นั้นเหมาะสมอย่า่งยิ่ง เนื่องจากมีผลการค้นหาในระดับกลางๆ (1,900) ซึ่งเราจะใช้ Keyword นี้มาทำการโปรโมตเว็บขายสินค้า่ของเรา

หลังจากเลือก Keyword แล้ววิธีโพสต์ประกาศเพื่อทำ Backlink


 หากมีข้อสงสัย สามารถดูวีดีบันทึกการสอนการใช้งานได้ที่

http://www.howto.ran4u.com/viewPage.do?clubId=682&clubPageMenuId=470

หรือหากต้องการคำเเนะ/คำปรึกษา สามารถติดต่อได้ที่

call center: 02-881-7460, 083-046-6100

email: admin@rongrean.com


บทความจาก Ran4U.com : สร้างเว็บฟรี ขายของออนไลน์ เว็บขายสินค้า เว็บขายของ ธุรกิจ eCommerce ธุรกิจ sme

guest

Post : 2016-12-06 18:03:58.0     Forum: รวมเครื่องมือเทคนิคการตลาด  >  วิธีโพสต์ประกาศเพื่อทำ Backlink

 2. การโพสต์ประกาศเพื่อทำ Backlink

เมื่อเราได้ Keyword เเล้ว เราก็จะทำมาใส่ในช่อง Keyword mี่ต้องการทำให้ติดอันดับ

 

 

จากนั้นเพิ่มเติมในส่วนของช่องอื่นๆให้มี Keyword ของเราอยู่ด้วย

Trick: ชื่อหมวดหมู่สินค้าของเรา ชื่อสินค้า รายละเอียด ข้อความในหน้าเเรก เเละ Page Title ควรพยายามใส่ Keyword ของเราเข้าไปด้วย เเละทำ link ตรงข้อความที่เป้น Keyword กลับมาที่ url เว็บของเรา ทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เเต่ต้องพยายามให้มีความกลมกลืนเเละดูเป็นธรรมชาติ โดยสามารถดูวิธีการปรับเเต่งส่วนต่างๆดังกล่าวได้จาก เมนูด้านซ้ายมือ ของหน้าเว็บไซต์นี้

เมื่อเราปรับเเต่งข้อความสำหรับที่จะไปทำการโพสต์ประกาศเรียบร้อยเเล้ว ให้กดปุ่ม "สร้า้ง" เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการนำข้อความไปโพสต์ประกาศ

ในหน้านี้ เราจะเห็นว่าระบบได้สรา้งข้อความอัตโนมัติ มา 4 ประเภท นั้นคือ

1. HTML Code

2. BB Code

3. ข้อความธรรมดา

4. ข้อความสำเร็จรูป

 

โดยข้อความทั้ง 4 ประเภทนี้ได้นำเอาข้อมูลของเราที่กรอกในเเบบฟอร์ม ของขั้นตอนก่อนหน้านี้เเละข้อมูลของเจ้าของเว็บ นำมาสร้า้งขึ้นด้วยเทคนิคขั้นสูง ที่จะต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับการสร้า้งข้อความด้วยภาษา HTML ที่รองรับต่อการทำ SEO เพื่อให้บอทของ Google ที่จะิวิ่งเข้ามาอ่านข้อความของเราที่เราได้ไปทำการโพสต์ประกาศไว้ที่เว็บต่างๆ ว่าเป็นข้อความทีมีคุณภาพ ถูกต้องตามหลักการทำ Backlink โดยจะสังเกตุว่าในข้อความจะมีการเเทรก Keyword ของเราเข้าไปอยู่อย่างมากมาย เเละ ใน Keyword นั้นเองจะมี link กลับมาที่เว็บของเรา ทั้งนี้เพื่อเป็นการบอกทางว่า Keyword คำนี้ จะวิ่งมาที่เว็บไหน เป็นต้น...

 

 

จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างจะพบว่า มีรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆมากมาย เว็บไซต์เหล่านี้คือเว็บไซต์ที่เราจะต้องนำข้อความไปโพสต์ประกาศเพื่อการทำ Backlink นั้นเอง แต่....ข้อความมีถึง 4 เเบบ เราจะเลือกเเบบไหน?

วิธีการคือ ให้เราสังเกตุที่เครื่องหมายถูกสีชมพู ที่ระบุอยู่ส่วนขวามือของตารางรายชื่อเว็บ ยกตัวอย่างเช่น

เว็บไซต์ที่ 3 :  http://www.plazapost.com

 

 

จะเห็นว่า "เครื่องหมายถูก" ถูกระบุที่ HTML Code, เครื่องมือ, อัพโหลดรูป, ข้อความธรรมดา, สร้างลิงค์ เเต่ไม่มีการระบุที่ BB Code

นั้นหมายความว่า เว็บไซต์นี้เราสามารถเอาข้อความที่เป็นประเภท HTML Code หรือ ข้อความสำเร็จรูป  (ข้อความสำเร็จรูปหมายถึง ข้อความประเภทเครื่องมือ เพราะมันถูกสร้า้งขึ้นจากเครื่องมือการทำเอกสาร หรือ text editor) หรือ ข้อความธรรมดา ไปโพสต์ได้ โดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เเต่ไม่สามารถนำเอา BB Code ไปใส่ได้ เเละสามารถ อัพโหลดรูปได้ สร้า้งลิงค์ได้ ตาที่มีการระบุไว้

Trick: ในบทความนี้ขอเเนะนำว่าในกรณีที่เว็บไซต์นั้นสามารถลองรับข้อความได้หลากหลาย เเละในกรณีที่มันมีการรองรับ เครื่องมือ อยู่ด้วย ให้เราใช้ข้อความประเภท ข้อความสำเร็จรูป เเต่ถ้าไม่มีเครื่องมือ ให้เราเลือกใช้ HTML Code

เมื่อเราเข้าใจในการเลือกใช้ข้อความเเล้ว เราก็จะทำการโพสต์ประกาศ โดยให้เราเปิดเว็บ http://www.plazapost.com ขึ้นมา

 

 

เเละไปในส่วนของ "ลงประกาศ"

 

จากนั้นทำตามขั้นตอนในการลงประกาศของเว็บไซต์ ซึ่งเเต่ละเว็บก็จะไม่เหมือนกัน เเต่จะเป็นไปในเเนวทางเดียวกัน นั้นคือ เลือก หมวดหมู่ของสินค้าที่จะประกาศ ในกรณีนี้สินค้าที่จะโปรโมตคือกระเป๋า ฉะนั้นเราจะเลือกเป็น หมวดหมู่ของ สินค้าแฟชั่น

 

 

จากนั้นทำการกรอกข้อมูลของผู้ประกาศ ส่วนที่สำคัญคือส่วนของรายละเอียดประกาศที่เราจะต้องทำการคัดลอกมาจากเครื่องมือโปรโมตเว็บไซต์ในเว็บของเรา ซึ่งเราได้ทราบเเล้วว่า http://www.plazapost.com นั้นรองรับข้อความที่เป็นข้อความสำเร็จรูป ก็ให้เราคัดลอกข้อความทั้งหมดในกรอบไปวางไว้ในกรอบข้อความของเว็บ http://www.plazapost.com 

 

 

จากนั้นเมื่อเราลงประกาศเรียบร้อยเเล้ว

 

 

ให้เรากลับไปที่หน้าที่เป็นผลลัพธ์ของการประกาศในเว็บ http://www.plazapost.com 

 

 

เเละให้เราทำการคัดลอก url address ของหน้านั้นมา

 

 

เเละนำมาวางไว้ในช่องสีขาวด้านล่าง จากนั้นกด + หรือ กดปุ่ม enter ขั้นตอนนี้เป็นการทำเหมือนในลักษณะที่เราทำการ bookmark หรือ add favorite หน้าเว็บไซต์ ไว้เพื่อเก็บไว้ดูในคราวหลัง หรือเก็บไว้เพื่อเป็นสถิติว่าเราได้ทำการโพสต์ประกาศไว้เเล้ว

 

 

เพียงเท่านี้เราก็ได้ Backlink เพิ่มขึ้นจากเดิม ถ้าเราสังเกตุเราจะพบว่าข้อความที่เราไปโพสต์ไว้ในเว็บ http://www.plazapost.com นั้น จะมีข้อความที่เป็น Keyword อยู่มากมาย เเละเเต่ละ Keyword จะมี link กลับมาที่เว็บของเรา เช่น

กระเป๋า harrods ถ้่าคลิกที่ข้อความนี้ก็จะมี link กลับไปที่ www.ypassion.com นั้นเอง

หากต้องการทำเพิ่มนอกเหนือจากเว็บ plazapost ก็ใช้วิธีการเดียวกันกับเว็บอื่น เเละอย่าลืมทำการ bookmark url address ของหน้าผลลัพธ์ทุกๆครั้งที่ทำการโพสต์ประกาศข้อความ

 

คำเเนะนำ - ทำการโพสต์ประกาศวันละ 5-10 เว็บในรายการ โดย bookmark url ทุกครั้งที่โพสต์เสร็จ เเละไม่ควรโพสต์ซ้ำเว็บเดิมในวันเดียวกัน เพราะบางเว็บไซต์มีกฏระเบียบห้ามทำการโพสต์ข้อความซ้ำกันใน 1 วัน ซึ่งหากฝ่าฝืนอาจโดนตัดสิทธิ์การใช้งานได้ หรือถูกลบข้อความทิ้งนั้นเอง เเละควรเลือกโำพสต์ประกาศในเว็บที่มี เครื่องหมายถูกตรง "เครื่องมือ" หรือ เครื่องหมายถูกตรง "HTML Code" ก็ได้ เนื่องจากข้อความสำเร็จรูปเเละ HTML Code นั้นเป็นข้อความที่รองรับต่อการทำคะเเนนด้วย Backlink ที่ดีที่สุด (เพราะมี link ที่ Keyword กลับมาที่เว็บไซต์เรา) ทั้งยังมีความสะดวกรวดเร็วในการโพสต์ เเต่เราควรเลือกโพสต์เว็บที่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องสมัครสมาชิก เพราะขั้นตอนเหล่านี้จะทำให้เสียเวลา เนื่องจากเราต้องการสิ่งสำคัญประการเดียวคือ การที่ Keyword มี link มาที่เว็บของเรา ไม่ใช่การกรอกข้อมูลผู้ประกาศ ซึ่งไม่มีประโยชนืในเเง่ของการทำ SEO


 

หากมีข้อสงสัย สามารถดูวีดีบันทึกการสอนการใช้งานได้ที่

http://www.howto.ran4u.com/viewPage.do?clubId=682&clubPageMenuId=470

หรือหากต้องการคำเเนะ/คำปรึกษา สามารถติดต่อได้ที่

call center: 02-881-7460, 083-046-6100

email: admin@rongrean.com


บทความจาก Ran4U.com : สร้างเว็บฟรี ขายของออนไลน์ เว็บขายสินค้า เว็บขายของ ธุรกิจ eCommerce ธุรกิจ sme

 

guest

Post : 2016-12-06 10:37:13.0     Forum: ปรับแต่งขั้นสูง การเพิ่มลูกเล่นต่างๆ  >  วิธีเพิ่มรายละเอียดสินค้า เช่น size สี รุ่น

1 ให้คลิกไปที่หมวดหมู่สินค้าที่ต้องการ

2.เมื่อคลิกที่รายการคุณสมบัติแล้วจะแสดงตามรูป

 

3. ให้เราใส่ข้อมูลที่ต้องการ

 

4. เมื่อใส่เสร็จแล้วคลิกที่เพิ่มเป็นอันเสร็จการสร้างรายการ

5. เมื่อสร้างรายการเสร็จแล้วให้คลิกที่ เพิ่มสินค้าย่อย

 

6. จะปรากฏช่องให้เราใส่

 

7. เมื่อเรียบร้อยแล้วคลิกเพิ่มเป็นอันเสร็จ

 

8. จะแสดงผลตามรูปได้เลย

 

9. กรณีที่ต้องการแก้ไขรายละเอียด

 

10. แก้ไขเรียบร้อยให้คลิกที่แก้ไขเพื่อเป๋นการบันทึก

 

 

guest

Post : 2016-12-06 10:35:20.0     Forum: ปรับแต่งขั้นสูง การเพิ่มลูกเล่นต่างๆ  >  วิธีการตั้งค่า ส่วนลดสินค้า เมื่อลูกค้าสมัครสมาชิก

1. คลิกที่ปุ่ม Sign-in เพื่อเข้าสู่ร้านค้าของคุณ

 

2. ใส่ ID และ Password เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ หลังจากนั้นกดปุ่ม Login

 

3. หลังจากนั้น ให้คลิกไปยังปุ่มคำว่า สมาชิก ที่อยู่ด้านซ้ายมือของเรา

 

4. หลังจากนั้นให้ท่านคลิกไปยังปุ่ม ส่วนลดสำหรับกลุ่มผู้ซื้อ

 

5. ใส่ช่องรายละเอียดต่างๆๆให้ครบถ้วน หลังจากนั้นกดปุ่ม เพิ่ม

 

6. หลักจากนั้นให้ท่านคลิกไปที่ปุ่ม สมาชิก ที่อยู่ด้านซ้ายมือ

 

7. จากนั้นจะเห็นว่าเราได้ว่า มีส่วนลด สำหรับลูกค้าที่สมัครเป็นสมาชิกกับทางเว็บไซต์ของเรา

 

8. จะเห็นได้ว่า เมื่อลูกค้ามาสมัครสมาชิกแล้ว ราคาที่ซื้อจะเปลี่ยนไป ตามที่เราได้กำหนดไว้ครับ จาก 250 บาท เหลือ 175 บาท

 

 

 

guest

Post : 2016-12-06 10:32:15.0     Forum: ปรับแต่งขั้นสูง การเพิ่มลูกเล่นต่างๆ  >  วิธีสร้างแผนที่ google map

  วิธีสร้างแผนที่ google map เพิ่มมาใส่ในเว็บเรา

1. ไปที่เว็บไซต์ Google Maps

 

 

 

2. เมื่อได้ตามรูปแล้วให้พิมพ์ฺที่อยู่ที่เราต้องการ

 

 

 

3. เมื่อพิมพ์ที่อยู่เรียบร้อยแล้วให้คลิกตามรูปได้เลย

 

 

 

4. กรณีที่ต้องการปรับขนาดการแสดงของแผ่นที่

 

 

5.การนำโค้ดมาใส่ในร้าน ran4u

 

 

 

 

 

เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ

 

 

guest

Post : 2016-12-06 10:30:31.0     Forum: ปรับแต่งขั้นสูง การเพิ่มลูกเล่นต่างๆ  >  วิธีทำ Like Box (Facebook) มาใส่ในเว็บ ran4u

 

วิธีสร้าง Fan Page บน Facebook

 

เริ่มแรกให้ไปที่ :  http://www.facebook.com/pages/create.php

 

จะมีหมวดหมู่ให้เราเลือกอยู่ 6 หมวดหมู่ด้วยกัน

 

1. Local Business or Place of interest :  ไว้ใช้สำหรับร้านค้า ธุรกิจ หรือ สถานที่สำคัญๆ

2. Company, Organization or Institution : ไว้ใช้สำหรับบริษัท, องค์กร หรือ สถาบันต่างๆ

3. Brand or Product – แบรนด์สินค้า : ไว้ใช้สำหรับชนิดของสินค้า

4. Artist, Band or Public Figure : ไว้ใช้สำหรับศิลปิน ดารา วงดนตรี และตัวบุคคล

5. Entertainment : ไว้ใช้สำหรับปรเภทความบันเทิง

6. Cause of Topic : ไว้ใช้สำหรับเรื่องที่น่าสนใจ 

 

ตัวอย่าง

เลือกทำหมวดหมู่ที่ 3 ตามรูปเลยจ้า

 

 

จะมีหมวดหมู่ให้เราเลือก เราเลือกหมวดหมู่ให้ตรงกับสินค้าของเรา กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน เสร็จแล้วคลิกที่ปุ่มเริ่ม

 

 

จะได้หน้านี้แสดงขึ้นมา

 

 

 

เท่านี้ก็เสร็จแล้ว ที่เหลือคือการปรับแต่งหน้าตา Fanpage ให้ดูดีซะหน่อย เช่น ปรับโลโก้ เชิญเพื่อนมาเป็น Fanpage เราโปรโมท หน้า Fanpage

 

 

 

วิธีทำ Like Box มาใส่ในเว็บ ran4u

ให้ไปที่  http://developers.facebook.com/docs/reference/plugins/like-box

ทำตามรูปได้เลย โดยการเอา URL ที่เราสร้าง Fanpage เสร็จแล้วมาใช้

 

 

 

 

เลื่อนลงมาข้างล่้างจะเห็น

 

ให้เลือกโค้ดตรง IFRAME ไปใส่ตรงที่เราต้องการแสดงได้เลย

 

วิธีเอาโค้ด Like Box มาใส่ที่เว็บ ran4u

 

 

เมื่อเอาโค้ดมาวางเสร็จแล้วให้คลิกที่ ดูรหัส HTML อีกที รอสักครู่แล้วจะแสดงหน้า facebook ขึ้นมา

 

เมื่อหน้า facebook แสดงผลแล้วสามารถเลือกให้แสดงผลอยู่กึ่งกลางได้ เลือกตรงสีแดง

 

처음 이전 ... 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 다음 끝
 

Contacts Us

หากมีมีข้อสอบถาม หรือข้อสงสัย สามารถติดต่อเราได้ที่นี่

  • เลขที่ 1432 ถนน สุทธิสาร ซอยศรีสุข แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม 10320
  • 02-047-0022
  • 086-906-4106
  • Email: admin@rongrean.com

QR Code


Line id : @ran4u