1. ตัวอย่างการเลือก Text

2. ตัวอย่างการเลือก Check Box

3. ตัวอย่างการเลือก Radio

4. ตัวอย่างการเลือก Option

5. ตัวอย่างการเลือก Textarea

6. ตัวอย่างการเลือก ข้อความ

 ข้อความที่เราสร้างมาทั้งหมดสามารถที่จะลากไปไว้ตำแหน่งไหนก็ได้ตามที่เราต้องการ เมื่อทำรายการทั้งหมดเสร็จตามที่ต้องการแล้วให้คลิดที่ ปุ๋มยืนยันเป็นอันเสร็จขั้นการการสร้างแบบฟอร์ม แล้วค่ะ เมื่อลูกค้ากรอกข้อมูลแล้วคลิกที่ส่งข้อมูลทั้งหมดที่กรอกก็จะไปที่ E-mail เราค่ะ

เราสามารถอัพโหลดไฟล์ต่างๆ(เช่น ไฟล์แคตตาล็อก ไฟล์ใบเสนอราคา ฯ) เพื่อให้ลูกค้ามาดาวน์โหลดไปจากเว็บเราได้ 

วิธีการก็ง่ายนิดเดียว ตามขั้นตอนด้านล่างนี้เลยค่ะ

***** สามารถทำได้ทุกส่วนของเว็บที่มีกล่องเครื่องมือเลยค่ะ *****

1.ครอบคำ หรือ รูปภาพ ที่ต้องการทำให้เป็นลิงค์ไปเพื่อดาวน์โหลดไฟล์

2. คลิกที่ ปุ่ม แทรก/แก้ไข ลิงค์

3.กดเลือก อัพโหลดไฟล์

4.กดปุ่ม เลือกไฟล์ เพื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการอัพโหลดจากในเครื่องคอม

5. หลังจากเลือไฟล์เรียบร้อยแล้วให้กดปุ่ม บันทึกไฟล์ไว้บนเซิร์ฟเวอร์

6. รอจนอัพโหลดไฟล์เสร็จแล้วกดปุ่ม ตกลง

 หมายเหตุ : ถ้าไฟล์ที่ต้องการอัพโหลดมีขนาดใหญ่อาจจะต้องใช้เวลาในการอัพโหลดนาน (ไม่ต้องตกใจไปนะค่ะ^^)

7. กดปุ่ม ตกลง

8. กดปุ่ม ตกลง เพื่อบันทึกข้อความทั้งหมด

แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ สามารถทดสอบได้ว่าเราทำถูกรึเปล่าโดยการที่ลองไปคลิกตรงข้อความที่เราทำลิงค์ให้ดาวน์โหลดดู ถ้าเราสามารถดาวน์โหลดได้ ก็แสดงว่าทำถูกต้องค่ะ

การทำกล่อง like box เพื่อให้มีคนมา กด like เว็บของเรานั้น ก่อนอื่นเลย เราต้องมีหน้า bussiness page (ไม่ใช่ profile page ทั่วไป) ของ facebook เสียก่อน

*** จุดสังเกตุคือหาก bussiness page ที่สมัครไว้ถูกต้อง หน้า facebook ของเราจะมีปุ่มให้กด Like ตามรูป

- หากมีหน้า bussiness page เเล้วจึงจะสามารถขอใช้งาน like box มาติดตั้งที่เว็บของเราได้ โดยเข้าไปตั้งค่าที่ http://developers.facebook.com/docs/reference/plugins/like-box/

- ในช่อง Facebook Page URL ให้ใส่ url ของหน้า bussiness page ของเรา เช่น url หน้า bussiness page ของ Ran4u คือ http://www.facebook.com/pages/Ran4ucom/184118408296443 

- หากใส่ url ถูกต้อง จะเเสดงผลลัพธ์ที่เป็นหน้า facebook bussiness page ของเรา ตามรูปด้านล่าง

- ช่อง width สามารถใส่ขนาดได้ ดดยขนาดที่เหมาะสม สำหรับเอา Like Box มาใส่ในหน้าเว็บของ Ran4u คือ 400-520

- จากนั้นกดปุ่ม Get Code เราก็จะได้ code ที่สำหรับเอามาแปะไว้ในหน้าเว็บของเรา 

- ให้เรา copy code ประเภท iframe เเล้วนำมาไว้ในส่วนไหนก็ได้ที่เป็นกล่องเครื่องมือ 

 จากนั้นกดปุ่มบันทึก

*** วิธีวาง Script จำพวก วีดีโอ หรือ สไลด์ แฟลช ต่างๆทำได้โดย กดที่ปุ่ม ‘Source’ (ดูรหัส HTML) ตรงซ้ายบนสุดของแถบเครื่องมือและกอปปี้ Script แล้วจึงนำมาวางในกล่องเครื่องมือ ตามรูปภาพประกอบ

จากนั้นกดปุ่มบันทึก  

 รูป track trace สำหรับสร้า้งเมนูการ "ตรวจสอบสถานะสินค้า" สำหรับให้ทางลูกค้า ตรวจสอบสถานนะการส่งสินค้า ของร้านค้า

ตัวอย่าง หลังจากใส่เเล้ว

ซึ่งรูปเเบบของโลโก้มีให้เลือก 4 เเบบให้เลือกใช้งาน คือ

เเบบที่ 1.

เเบบที่ 2.

แบบที่ 3.

แบบที่ 4.

แบบที่ 5.

วิธีการใส่โลโก้

1. เรียกการใช้งานเมนู Link โดย ไปที่ปุ่ม NEW ที่เมนูด้านซ้ายมือ กด NEW เลือก  Link

2. กรอกค่า ดังนี้

1. Link Name ให้ใส่ code html สำหรับรูปโลโก้ track and trace โดย กอปปี้ รหัสแบบโลโก้อันใดอันหนึ่งด้านล่างไปใส่ ตามนี้

เเบบที่ 1

 <img src="http://howto.ran4u.com/userfiles/fckeditor/372/image/track-and-trace.png" width="170"/>

เเบบที่ 2

  <img src="http://howto.ran4u.com/userfiles/fckeditor/372/image/tnt_imgTrackTraceLogo.jpg" width="170"/>

เเบบที่ 3

  <img src="http://howto.ran4u.com/userfiles/fckeditor/372/image/track_trace.jpg" width="155"/>

เเบบที่ 4

  <img src="http://howto.ran4u.com/userfiles/fckeditor/372/image/track_trace.png" width="170"/>

เเบบที่ 5

  <img src="http://howto.ran4u.com/userfiles/fckeditor/372/image/GM(1).jpg" width="146"/>

2. Link url ให้กอปปี้รหัสด้านล่างไปใส่ ตามนี้

http://track.thailandpost.co.th/trackinternet/Default.aspx

3. เลือก "เปิดหน้าใหม่ด้วยเบราว์เซอร์เดิม" จากนั้นกดปุ่ม OK

 เราสามารถอัพโหลดวีดีโอจาก Youtube หรือ Script ต่างๆไม่ว่าจะเป็นสไล์รูปหรือ animation ที่เรามี Script อยู่เเล้ว ซึ่งเราสามารถนำมาอัพโหลดในหน้าเว็บ Ran4U ได้โดยง่ายนิดเดียวตามขั้นตอนนี้ครับ

 1.เข้าไปที่ Youtube เลือกวีดีโอที่เราต้องการ สังเกตุด้านล่างจะมี ปุ่มที่เขียนว่า Embed

2. เมื่อกดปุ่ม Embed จะแสดงหน้าตา Script (ส่วนที่มีไฮไลท์สีน้ำเงินทั้งหมด) ที่เราจะกอปปี้ไปไว้ที่เว็บเรา และเราสามารถปรับขนาด หรือ สี รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆ (ขนาดที่พอดีกับความกว้างของกรอบเนื้อหาในหน้าเว็บคือ 560)

3. กอปปี้ Script และกลับไปที่หน้าเว็บของเรา เพื่อทำการวาง Script เราสามารถวางได้ทุกที่ที่แบบฟอร์มในการเพิ่มข้อมูลมีรูปแบบเป็นเครื่องมือ(ลักษณะหน้าตาจะคล้ายๆกับเครื่องมือใน Microsoft Word) มักจะพบเครื่องมือนี้ใน บทความ ใน เว็บบอ์ดต่างๆ เป็นต้น

4.วิธีวาง Script จำพวก วีดีโอ หรือ สไลด์ แฟลช ต่างๆทำได้โดย กดที่ปุ่ม ‘Source’ ตรงซ้ายบนสุดของแถบเครื่องมือและกอปปี้ Script ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนใน ข้อ 2. (ส่วนที่มีไฮไลท์สีน้ำเงินทั้งหมด) แล้วจึงนำมาวางในกล่องเครื่องมือ ตามรูปภาพประกอบ

5. จากนั้นกดปุ่มบันทึก เราก็จะได้ผลลัพธ์ดังรูป

 <img width="50" height="50" alt="" src="/userfiles/fckeditor/372/image/Krung_thai_bank_logo.jpg" />

 <img width="50" height="50" alt="" src="/userfiles/fckeditor/372/image/thaicommercial_bank_logo.jpg" />

 <img width="50" height="50" alt="" src="/userfiles/fckeditor/372/image/Kasikorn_bank_logo.jpg" />

 <img width="50" height="50" alt="" src="/userfiles/fckeditor/372/image/TMB_bank_logo.jpg" />

 <img width="50" height="50" alt="" src="/userfiles/fckeditor/372/image/bangkok_bank_logo.jpg" />

 วิธีการใส่รูปที่เมนูด้านซ้ายมือที่เมนู "หมวดหมู่สินค้า" ที่ถูกต้อง เเละไม่ทำให้หน้าเว็บเบี้ยว

หมายเหตุ : การแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์ ต้องทำการ SIGN-IN หรือ LOG-IN ก่อนทุกครั้ง 
( คลิกดูวิธีการSIGN-IN )

การสร้างหมวดหมู่ตัวเข้ม

1. คลิกที่ปุ่ม New

2. เลือกที่หมวดหมู่

3. ใส่ชื่อหมวดหมู่

4. คลิกปุ่ม OK
 

หมายเหตุ : การแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์ ต้องทำการ SIGN-IN หรือ LOG-IN ก่อนทุกครั้ง 
( คลิกดูวิธีการSIGN-IN )

วิธีการใส่ Icon

1. คลิกแก้ไขที่เมนูต้องการใส่ icon

2. ใส่ Code ลงไปในช่อง ชื่อ ตามตำแหน่งที่ต้องการ

 
<img src="ใส่ลิ้งค์รูปที่นี่">

เช่น

<img src="http://vanessa.ran4u.com/userfiles/fckeditor/2/image/hot.gif">

   <img src="http://vanessa.ran4u.com/userfiles/fckeditor/2/image/hot.gif">

  <img src="http://www.ran4u.com/userfiles/fckeditor/2/image/ico-3534(2).gif">

 <img src="http://www.ran4u.com/userfiles/fckeditor/2/image/Gif_Icon_Hot.gif">

 <img src="http://www.ran4u.com/userfiles/fckeditor/2/image/wow(1).gif">

 <img src="http://www.ran4u.com/userfiles/fckeditor/2/image/livescore(1).gif">

  <img src="http://www.ran4u.com/userfiles/fckeditor/2/image/new.gif">

 <img src="http://www.ran4u.com/userfiles/fckeditor/2/image/new%20(1).gif">

 <img src="http://www.ran4u.com/userfiles/fckeditor/2/image/ico-4408.gif">

หมายเหตุ : ไม่สามารถนำไอค่อนไปใส่ในหมวดหมู่ชนิดบทความได้ เพราะจะทำให้การแสดงผลหน้าเว็บผิดพลาด

การใส่รูปในเมนูLink

1. คลิกปุ่ม NEW เลือก LINK

2. ใส่ Code ลงไปในช่อง Link Name

<img src="ใส่ลิ้งค์รูปที่นี่" width="130"  style="border: 1px solid #cfcfcf;" align="middle" / >  
                            

เช่น <img src="http://www.ran4u.com/userfiles/fckeditor/2/image/google-logo.jpg" width="130" style="border: 1px solid #cfcfcf;" align="middle" / >

วิธีการใส่ รูปในเมนู

HTML code

ให้สร้า้ง เมนูที่ชื่อว่า "หมวดหมู่" NEW -> หมวดหมู่ เเล้วจึง ระบุ code ในช่อง ชื่อหมวดหมู่ ตามนี้ 

• รูป : <img src="link url ของรูปภาพ" width="146"/>

ตัวอย่าง  <img src="http://image.ohozaa.com/i/2e8/06130.gif" width="146" />

หมายเหตุ ** width="146" หากไม่กำหนด จะทำให้รูปมีความกว้างเกินกว่ากรอบของเมนูซ้ายมือ

• การใส่ link : <a href="link เว็บปลายทางที่จะให้ไป">ข้อความ</a>

ตัวอย่าง 

<a href="http://9silvery.com/listClubForum.do?clubId=2174&clubForumMenuId=2952">เว็บบอร์ด</a>

ผลลัพธ์ เว็บบอร์ด

*** เทคนิคเพิ่มเติม: หากต้องการ "คลิกที่รูปแล้วไปหน้าที่เราต้องการ" ให้เอา 2 คำสั่งมาประกอบกัน

ตัวอย่าง 

<a href="http://9silvery.com/listClubForum.do?clubId=2174&clubForumMenuId=2952"><img src="http://image.ohozaa.com/i/2e8/06130.gif" width="146" /></a>

ผลลัพธ์ 

หมายเหตุ ถ้าต้องการให้ลิงค์เปิดไปยังหน้าใหม่ ให้แทรกคำสั่ง target="_blank"  ลงไปที่หลัง a

เช่น  <a target="_blank" href="http://track.thailandpost.co.th/trackinternet/Default.aspx"><img src="http://howto.ran4u.com/userfiles/fckeditor/372/image/track_trace.jpg" width="146" /></a>

ดูวิดีโอเพิ่มเติม

 ความสามารถของ function

1. กำหนดส่วนลดให้กับสินค้า
2. ตั้งเวลาวันหมดโปรโมชั่น โดยหากเกินระยะเวลาที่กำหนด จะไม่สามารถซื้อสินค้านั้นๆได้
3. สร้า้งเเรงจูงใจให้ผู้ซื้อ ตัดสินใจซื้อสินค้า
4. เเสดงภาพสินค้าเเบบสไลด์

เรียกใช้งานได้โดย กด NEW -> Promotion

หลังจากเพิ่มสินค้าในโปรโมชั่นเเล้ว ให้ดึงเมนูจาก ItemList เพื่อมาเเสดงในหน้าเเรก (วิธีเเสดงเมนูในหน้าเเรก คลิก!)

ก็จะได้หน้าตาประมาณนี้ครับ 

ธีการเพิ่มสินค้าย่อยลงในรายการสินค้าหลักแต่ละชิ้น

โปรดอ่านข้อความด้านล่างโดยละเอียด

-     ฟังก์ชันนี้ใช้เพื่อเพิ่มคุณสมบัติต่างๆของสินค้าหลัก และเพิ่มสินค้าย่อยลงไปในสินค้าหลักแต่ละชิ้น

-     ซึ่งการใช้ฟังก์ชั่นนี้ต้องดูตามความเหมาะสมของสินค้า และต้องทำการเพิ่มสินค้าแบบปกติทั่วไปให้เป็นเสียก่อน โดยศึกษาวิธีการเพิ่มเติมสินค้าได้โดยคลิก ที่นี่

-     การเพิ่มสินค้าย่อยลงในรายการสินค้าหลักแต่ละชิ้น วิธีนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้ในกรณีที่สินค้า 1 ชิ้น มีราคาเท่ากัน แต่มีความแตกต่างกันที่ ขนาด สี หรือ ความจุ ซึ่งทำให้เราไม่ต้องเพิ่มสินค้าลงไปใหม่ แต่เพียงแค่เพิ่มคุณสมบัติลงไปในสินค้าตัวเดิม ซึ่งวิธีนี้จะไม่ทำให้เราเปลืองข้อมูลของจำนวนสินค้าในร้าน

-     ตัวอย่างต่อไปนี้เพียงแค่ข้อมูลตัวอย่าง ไม่ใช่ข้อมูลที่ใช้ในการทำธุรกิจแต่อย่างใด

ขั้นตอน

ร้านค้าร้านหนึ่งขายโทรศัพท์มือถือ iPhone โดยทำการเพิ่มสินค้าลงในหมวดหมู่ตามรูปที่ 1.1 ด้านล่าง

 รูปที่ 1.1

รูปที่ 1.1 จะเห็นว่าสินค้า iPhone ดังกล่าวนั้นถูกระบุว่ามีความจุขนาด 32 Gb ราคา 33,000 บาท ซึ่งหากเป็นสินค้า iPhone ขนาดความจุ 16 Gb หรือ 8 Gb ราคาก็จะแตกต่างกันออกไป

ซึ่งพบว่า หากมีการเพิ่มสินค้าลงไปทั้ง 16 Gb และ 8 Gb ก็จะทำให้เปลืองเนื้อที่ของจำนวนสินค้าในร้าน เนื่องจากสินค้าเป็นประเภทเดียวกัน ชื่อเดียวกัน รายละเอียดเดียวกัน รูปภาพลักษณะเหมือนๆกัน การเพิ่มสินค้าลงไปใหม่ ด้วยข้อมูลเดิมๆแต่แตกต่างกันแค่ที่ขนาดความจุเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีนัก เราจึงสามารถใช้ประโยชน์จากฟังก์การเพิ่มสินค้าย่อยลงไปในสินค้าหลักได้ ดังนี้

1.      ทำการเพิ่มสินค้าตามปกติ จากที่ได้กล่าวมาในข้างต้นแล้วนั้น แต่ให้เราระบุ คุณสมบัติ ที่เพิ่มเติมลงไปต่อท้ายชื่อสินค้า หรือในส่วนของรายละเอียดสินค้านั้นๆด้วย

ดังตัวอย่างตามรูปที่ 1.1 จะเห็นว่าหลังชื่อ iPhone ได้ระบุขนาด 32 Gb ไว้ รวมทั้งในรายละเอียดของสินค้าด้วย พร้อมกรอกราคาให้ตรงกับคุณสมบัติเพิ่มเติมของสินค้านั้นๆ

2.      เมื่อเพิ่มเติมสินค้าแล้ว เราจะมาอยู่ที่หน้าที่เป็นรายการสินค้าเรียงตามแนวยาวลงมา (ฟังก์ชั่นการเพิ่มคุณสมบัติให้แก่สินค้านั้น กระทำได้ที่หน้านี้เท่านั้น) และเราจะทำการเพิ่ม คุณสมบัติ “ความจุ” ให้แก่ iPhone โดยการเพิ่มสินค้า iPhone ที่เป็นขนาด 16 Gb และ 8 Gb ในราคาที่ต่างกันลงไปตามลำดับ

3.      ทำการเพิ่มคุณสมบัติให้กับสินค้าด้วยการ คลิกที่ปุ่ม “เพิ่มคุณสมบัติ” ด้านบนกรอบ ตามรูปที่ 1.2

รูปที่ 1.2

จากนั้นจะปรากฎกรอบหน้าต่างสำหรับระบุคุณสมบัติเพิ่มเติมให้แก่สินค้านั้นๆ จากตัวอย่างในรูปที่ 1.3 จะทำการเพิ่มคุณสมบัติ “ขนาด” ลงไป โดยพิมพ์คำว่า “ขนาด” จากนั้นจึงกดปุ่ม “เพิ่ม” ด้านบน (ที่ระบุคุณสมบัติว่าเป็น “ขนาด” นั้นเนื่องจาก iPhone มีราคาที่แตกต่างกันไปตามขนาดความจุ ซึ่งส่วนนี้ผู้อ่านต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าของตนก่อน และจึงเพิ่มเติมข้อมุลลงไปตามความเหมาะสม)

รูปที่ 1.3

หลังจากกดปุ่ม “เพิ่ม” แล้ว จะแสดงรายการคุณสมบัติที่เพิ่มไปดังรูปที่ 1.4

รูปที่ 1.4

4.      จากนั้นกดปุ่ม “เพิ่มสินค้าย่อย” เพื่อทำการเพิ่ม สินค้าย่อยลงในสินค้าหลัก ตามรูปที่ 1.5

รูปที่ 1.5

จากนั้นจะปรากฎกรอบหน้าต่างสำหรับกรอกรายละเอียดของการเพิ่มสินค้าย่อยเข้าไปภายในสินค้าหลัก ซึ่งวิธีการคล้ายกับการเพิ่มสินค้าตามปกติ จากตัวอย่างในรูปที่ 1.6 จะทำการกรอกรายละเอียดต่างๆของสินค้าย่อยลงไปนั้นคือ iPhone4 ขนาด 16Gb ทำการระบุราคา และ ระบุขนาด 16Gb ไปในช่องด้านล่างสุด ซึ่งช่องด้านล่างสุด ที่เขียนว่า “ขนาด” นั้น เป็นคุณสมบัติที่เรากำหนดให้สินค้าชิ้นนี้ไปเมื่อขั้นตอนก่อนหน้านี้นั้นเอง (หากเรากำหนดคุณสมบัติในขั้นตอนก่อนหน้านี้ไว้มากกว่า 1 คุณสมบัติ เช่น “สี” คุณสมบัติสีดังกล่าวก็จะมาปรากฏอยู่ในส่วนนี้บรรทัดถัดไปจากช่อง “ขนาด” นั้นเอง ซึ่งสินค้า 1 ชิ้น สามารถมีได้สูงสุด 3 คุณสมบัติ) จากนั้นกดปุ่ม “เพิ่ม”

รูปที่ 1.6

หลังจากกดปุ่ม “เพิ่ม” แล้ว จะแสดงรายการคุณสมบัติที่เพิ่มไป ตามที่กรอบสีส้มได้ตีกรอบไว้ และจะเห็นว่ากรอบสีฟ้าจะแสดงให้เห็นว่าสินค้าชิ้นนี้มีสินค้าย่อยอยู่ภายในสินค้าหลัก ซึ่งกล่อง Select box ในกรอบสีฟ้าถูกสร้างขึ้นหลังจากมีการเพิ่มสินค้าย่อยลงไปในสินค้าหลัก ดังรูปที่ 1.7

รูปที่ 1.7

เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการดูสินค้าหลัก หรือสินค้าย่อยโดยการคลิกที่กล่อง Select Box จากรูปที่ 1.8

รูปที่ 1.8

เมื่อลองคลิกที่สินค้าย่อยที่เพิ่งทำการเพิ่มลงไป คือ iPhone 16Gb ข้อมูลก็จะเปลี่ยนจากข้อมุลของ iPhone 32Gb เป็นข้อมูลของสินค้าย่อย iPhone 16Gb ทันที ตามรูปที่ 1.9

รูปที่ 1.9

5.      หากลอง กดปุ่ม Add to cart ดังกรณีที่มีลูกค้าเข้ามาซื้อของ ก็จะพบว่า ข้อมูลก็จะเปลี่ยนไปตามสินค้าหลักหรือสินค้าย่อยที่เราเลือกนั้นเอง รูปที่ 1.10 (ในกรณีที่ทำการ Add to cart ในหน้ารายการสินค้าภายในหมวดหมู่)

รูปที่ 1.10

6.      แต่หากมีการ Add to cart จากหน้าแรกของเว็บไซต์ร้านค้า หากสินค้านั้นมีสินค้าย่อยอยู่ ระบบจะให้เลือก สินค้าก่อนว่าจะ เอาสินค้าหลักหรือสินค้าย่อย แล้วจึงนำลงตระกร้า ดังรูปที่ 1.11

รูปที่ 1.11

วิธีการเพิ่มสินค้าย่อยลงในรายการสินค้าหลักแต่ละชิ้น

ดาวน์โหลดเอกสารได้จากปุ่ม Download ด้านล่างนี้

 (สำหรับ Microsoft Office Word 97 - 2003 Document)

หมายเหตุ : การแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์ ต้องทำการ SIGN-IN หรือ LOG-IN ก่อนทุกครั้ง 
( คลิกดูวิธีการSIGN-IN )

วิธีการปรับแต่งการแสดงผลหมวดหมู่สินค้า

การแสดงผลของหมวดหมู่สินค้าในหน้าแรก สามารถแสดงได้ 2 รูปแบบ คือ

1. แบบ สไลด์

2. แบบปกติ (แบบปกติ มีให้เลือกอีก 3 รูปแบบ)

    2.1 แบบปกติ 1 คอลัมน์

    2.2 แบบปกติ 2 คอลัมน์

    2.3 แบบปกติ 3 คอลัมน์

วิธีการปรับแต่งการแสดงผลหมวดหมู่สินค้า

1. วิธีการปรับแต่งแบบ สไลด์

1. คลิกที่ปุ่ม แก้ไข ของหมวดหมู่สินค้าที่ต้องการแก้ไข

2. เลือก การแสดง แบบสไลด์ แล้วกดปุ่ม บันทึก

2. วิธีการปรับแต่งแบบปกติ 1 คอลัมน์

1. คลิกที่ปุ่ม แก้ไข ของหมวดหมู่สินค้าที่ต้องการแก้ไข

2. เลือก การแสดง แบบปกติ
                 เลือก จำนวนคอมลัมน์ที่โชว์ เป็น 1
    แล้วกดปุ่ม บันทึก               

3. วิธีการปรับแต่งแบบปกติ 2 คอลัมน์

1. คลิกที่ปุ่ม แก้ไข ของหมวดหมู่สินค้าที่ต้องการแก้ไข

2. เลือก การแสดง แบบปกติ
                 เลือก จำนวนคอมลัมน์ที่โชว์ เป็น 2
    แล้วกดปุ่ม บันทึก            

4. วิธีการปรับแต่งแบบปกติ 3 คอลัมน์

1. คลิกที่ปุ่ม แก้ไข ของหมวดหมู่สินค้าที่ต้องการแก้ไข

2. เลือก การแสดง แบบปกติ
                 เลือก จำนวนคอมลัมน์ที่โชว์ เป็น 3
    แล้วกดปุ่ม บันทึก           

เมนูร้านค้า

หมายเหตุ : การแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์ ต้องทำการ SIGN-IN หรือ LOG-IN ก่อนทุกครั้ง 
( คลิกดูวิธีการSIGN-IN )

 การแสดงผลในหน้าแรก

 ท่านสามารถเลือกหมวดหมู่สินค้าที่ต้องการให้แสดงผลในหน้าแรก หรือไม่ต้องการให้แสดงผลในหน้าแรกได้

 โดยวิธีการต่อไปนี้

1.ไปที่หน้าแรก

2. สังเกตแถบเครื่องมือ Item List (กล่องดำทางด้านซ้ายมือ)  หมวดหมู่ ที่อยู่ในกล่องดำทั้งหมดจะไม่แสดงผลในหน้าแรก และหมวดหมู่ที่มีการแสดงผลในหน้าแรกจะไม่มีปรากฎอยู่ใน กล่องดำ

3. ถ้าท่านต้องการให้หมวดหมู่สินค้าที่ท่านสร้างแสดงผลในหน้าแรก ให้ท่านคลิกค้างที่หมวดหมู่สินค้าในกล่องดำแล้วลากออกมาวางในหน้าแรกได้เลย

หมายเหตุ : การแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์ ต้องทำการ SIGN-IN หรือ LOG-IN ก่อนทุกครั้ง 
( คลิกดูวิธีการSIGN-IN )

การปรับตำแหน่งการแสดงผลในหน้าแรก

1.คลิกค้างที่ชื่อหมวดหมู่ที่ต้องการปรับตำแหน่ง

2.ลากไปวางตำแหน่งที่ต้องการ (หมายเหตุ ลูกศรต้องเป็นสีเขียวถึงจะสามารถวางได้)

 การแบ่งปันหน้าเว็บไซต์ใน Facebook

ในหน้าเว็บไซต์ที่ใช้บริการกับทาง Ran4U จะสามารถกดปุ่ม Share หน้าสินค้านั้นๆ จากในเว็บไซต์ได้เลย

แต่จะหลายท่านอาจจะเจอปัญหาว่าทำไมกดแบ่งปันไปแล้วขึ้นฟ้องว่าข้อความของคุณไม่สามารถโพสลงกระดานข้อความได้ดังในรูป

แต่ปัญหานี้สามารถแก้ได้ เนื่องจากว่าข้อความที่เราโพสไปที่ Facebook นั้นมีความยาวเกินที่ Facebook กำหนด (จริงๆแล้ว Facebook เองจะตัดข้อความที่ยาวให้สั้นลงให้สามารถโพสได้ แต่ปัญหานี้เกิดกับภาษาไทยซึ่งตัดแล้วก็ยังเกินอยู่ดี ทำให้ไม่สามารถโพสได้) ดังนั้นเราจึงต้องแก้ไขข้อความเองให้สั้นลง ซึ่งจะมีอยู่ 2 ส่วนที่เราต้องแก้ไข 

1. ส่วนของหัวเรื่องที่เราโพส

ส่วนของหัวเรื่องที่จะโพส จะเป็นข้อความตัวหนาในหน้าแสดงตัวอย่างข้อความที่เราโพสก่อนจะกดปุ่ม Share Link เพื่อแบ่งปันลิงค์ของเรา ดังในรูป

ในส่วนนี้ให้ทำคลิกไปที่ชื่อหัวเรื่อง แล้วเราก็จะสามารถแก้ไขข้อความในส่วนนี้ได้ ดังในรูป

ให้เราลองทำการแก้ไขข้อความในส่วนนี้ให้สั้นลงแล้วทดลองกดปุ่ม Share Link ถ้าข้อความเราสั้นพอแล้ว จะสามารถแบ่งปันลิงค์เราได้ 

แต่ถ้าเราแก้ไขข้อความเราสั้น จนเราคิดว่าน่าจะสั้นพอแล้ว ให้ลองดูในส่วนที่ 2 ก็คือส่วนของข้อความอธิบาย

2. ส่วนข้อความอธิบาย

ในส่วนนี้จะเป็นข้อความต่อลงมาจากข้อความหัวเรื่องที่เป็นตัวหนา ในส่วนนี้จะใส่ข้อความได้ยาวพอสมควร 

วิิธีการแก้ไขก็ทำเหมือนการแก้ไขข้อความหัวเรื่อง  โดยการคลิกที่ข้อความ ดังรูป

ให้ทำการแก้ไขให้ข้อความสั้นลงแล้วทดลองกดปุ่ม Share Link ถ้าข้อความในส่วนนี้สั้นพอ ก็จะสามารถแบ่งปันลิงค์ได้สำเร็จ

หมายเหตุ : การแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์ ต้องทำการ SIGN-IN หรือ LOG-IN ก่อนทุกครั้ง 
( คลิกดูวิธีการSIGN-IN )

การสร้างบทความ WebZine

หมายเหตุ : การแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์ ต้องทำการ SIGN-IN หรือ LOG-IN ก่อนทุกครั้ง 
( คลิกดูวิธีการSIGN-IN )

 1. คลิกเมนูสำหรับร้านค้าที่ส่วนบนของหน้าเว็บถัดจาก เมนู เครื่องมือจัดการเว็บ และทำการคลิกที่ 'ติดต่อเรา'

หมายเหตุ : การแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์ ต้องทำการ SIGN-IN หรือ LOG-IN ก่อนทุกครั้ง 
( คลิกดูวิธีการSIGN-IN )

 1. คลิกเมนูสำหรับร้านค้าที่ส่วนบนของหน้าเว็บถัดจาก เมนู เครื่องมือจัดการเว็บ และทำการคลิกที่ 'วิธีการชำระเงิน'

2. เมื่อเข้ามาสู่หน้าที่เเสดงรายละเอียดการชำระเงิน ข้อมูลจะว่างเปล่า หากยังไม่เคยไปเพิ่มเติมข้อมูล จากนั้นทำการเพิ่มข้อมูลโดยคลิกที่ ปุ่ม 'เพิ่ม' เพื่อเข้าสู่หน้า เเบบฟอนร์มสำหรับการใส่ข้อมูลการชำระเงิน

** ถ้าทางร้านมีการเปิดบริการเพื่อชำระเงินผ่านบัตรเครดิต จะสามารถใส่ข้อมูลการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่เปิดบริการไว้กับทาง PayPal ได้

หมายเหตุ : การแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์ ต้องทำการ SIGN-IN หรือ LOG-IN ก่อนทุกครั้ง 
( คลิกดูวิธีการSIGN-IN )

การปรับเลื่อนตำแหน่งในเมนู

 

1.คลิกค้างที่เมนูที่ต้องการเลื่อนตำแหน่ง

2. แล้วลากไปวางตำแหน่งที่ต้องการ